สิ้นเสียงระเบิด ที่คนร้ายนำไปวางไว้ที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันจันทร์ ที่ 17 สิงหาคม ซึ่งคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ ทั้งคนไทยและต่างชาติ 20 คน บาดเจ็บอีก 108 คน ความหวังที่จะใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรประคับประคองเศรษฐกิจไทย ไม่ให้เลวร้ายไปกว่านี้ ก็ดับวูบลงทันที
การเลือกจุดเกิดเหตุ คือ ศาลพระพรหม เอราวัณ อันเป็นที่เคารพสักการะไม่แต่เฉพาะคนไทย แต่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนเอเชีย ที่มีเชื้อจีน ก็ให้ความเคารพศรัทธา เป็นหนึ่งในจุดมั่งหมายของการเดินทางมาประเทศไทย ทั้งยังอยู่ในย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีชาวต่างชาติ ทั้งนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว อยุ่อย่างหนาแน่น แสดงว่า ผู้บงการ ต้องการทำลายการท่องเที่ยวของไทยให้พังพินาศ เพื่อฉุดเศรษฐกิจไทยให้ย่อยยับไปด้วย เพราะ การท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจเดียวที่ยังเติบโตได้
วันรุ่งขึ้น หลังระเบิดที่ราชประสงค์ มีผู้โยนระเบิดชนิดเดียวกัน จากสะพานตากสิน ลงไปที่บริเวณท่าเรือด่วนสาทร โชคดีที่พลาด ระเบิดตกลงไปในแม่น้ำ มิฉะนั้นแล้ว คงจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกไม่น้อย ซึ่งจะต้องมีนักท่องเที่ยว รวมอยู่ด้วย เพราะท่าเรือสาทร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไปลงเรือเพื่อเดินทางมาเที่ยววัดและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเกาะรัตนโกสินทร์
การเลือกเหยื่อเป็นนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เป็นเรื่องของความไม่พอใจของชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวจีนมุสลิม ในมณฑลซินเกียง ที่รัฐบาลไทยส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวอุยกูร์ กลับไปให้ทางการจีน เมื่อเร็วๆนี้ ดังที่ สื่อในเครือข่ายระบบทักษิณพยายามชี้นำ เพราะทั้งรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง และ นักวิชาการมุสลิมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาคนหนึ่ง ต่างสรุปตรงกันว่า กลุ่มชาวอุยกูร์ ที่ต่อต้านรัฐบาลจีน ไม่เคยมีประวัติ การก่อการร้ายในลักษณะนี้มาก่อน เพราะไม่มีขีดความสามารถ และไม่มีเหตุผลที่จะมาก่อการในประเทศไทย เพราะไทยก็ส่งชาวอุยกูร์ที่เป็นสตรีและเด็กไปให้ตุรกีด้วย และไม่ใช่มีแต่ไทยเท่านั้น ที่ส่งตัวชาวอุยกูร์ ไปให้จีน กัมพูชา และมาเลเซีย ก็เคยทำตามคำร้องขอของจีนเช่นกัน
เหตุการณ์สังหารหมู่ที่สี่แยกราชประสงค์ จึงไม่ใช่เรื่อง การก่อการร้าย จากต่างประเทศ แต่เป็นเรื่องที่มีเหตุจูงใจจากคนในประเทศ ที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจไทยให้บอบช้ำ เพื่อทำลายรัฐบาลทหาร
หลังจากเกิดระเบิดที่ราชประสงค์ เพียง 1-2 ชั่วโมง มีการปล่อยข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการสั่งปิดโรงเรียน และให้ข้าราชการหยุดงาน พร้อมทั้งประกาศพื้นที่อันตราย 10 จุดในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นว่า มีการวางแผน สร้างข่าวให้ดูว่า สถานการณ์รุนแรงมาก และรัฐบาลตื่นตกใจ
การใช้ความรุนแรงสังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ เพื่อผลทางการเมือง ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในเหตุการณ์วางระบิดที่สี่แยกราชประสงค์นี้ แต่ในรอบสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดการต่อต้านระบอบทักษิณ มีการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่ออประชิปไตย เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศสวัสดิ์ เมื่อปี 2551 นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล หลายครั้ง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ฝ่ายรัฐบาลเองก็สั่งการให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ยิงใส่ประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บเช่นกัน
ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ใช้กำลังบุกเข้าทำลายการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา ในเดือนเมษายน ปี 2552 จนการประชุมต้องล้มเลิก ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น เป็นเรื่องน่าอดสูสำหรับประเทศไทย ต่อมา ศาลพิพากษาให้จำคุกนายอริสมันต์ และพวกโดยไม่รอลงอาญาจากเหตุนี้
ปีต่อมา วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 ในการขุมนุมของคนเสื้อแดง เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ยุบสภา ฯ กลุ่มชายชุดดำ ที่แฝงตัวในกลุ่มคนเสื้อแดง ใช้อาวุธสงคราม สังหารพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และถล่มทหารจนล้มตาย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนราชดำเนินกลาง
หลังจากนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงที่ราชดำเนิน ได้ย้ายไปร่วมกับกลุ่มที่ชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ระหว่างการชุมนุม มีผู้ใช้อาวุสงครามยิงออกจากที่ชุมนุม เข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน อยู่ตลอดเวลา เพื่อกดดันให้รัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปราม
ในขณะเดียวกัน ก็มีควาพยายามก่อวินาศกรรม ยิงเอ็ม 79 ใส่เสาไฟฟ้าแรงสูง แต่ไม่สำเร็จ ความรุนแรง เกิดขึ้นทุกวัน จนรัฐบาลตัดสินใจส่งกำลังเข้าปราบปราม ทันทีที่แกนนำ นปช, ประกาศสลายการชุมนุม การเผาบ้าน เผาเมืองก็เริ่มขึ้น กรุงเทพฯ กลายเป็นทะเลเพลิง ศาลากลางจังหวัด ในภาคอีสานหลายแห่งถูกเผา
การชุมนุม ของ กกปส. เพื่อ ขจัดระบอกทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556- เดือนพฤษภาคม 2557 มีผู้ลอบยิง ปาระบิด ใส่ผุ้ชุมนุม และแกนนำ จนมีผู้เสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บเกือบพันคน
เหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ จึงมิใช่ครั้งแรกที่มีการใช้ความรุนแรง สังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ รูปแบบการทำลายล้าง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจจะแตกต่างจาก ความรุนแรงครั้งก่อนๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดคือ การตอบโต้ของผู้สูญเสีย ที่ใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องมือ ในการต่อสู้กับ คสช.