ผ่าประเด็นร้อน
ชัดเจนกันไปหนึ่งรายการแล้วว่า การโหวตแบบเอกฉันท์ของคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะประธาน ก.ต.ช. มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองประธาน ก.ต.ช. ทำหน้าที่ประธานในการประชุมเลือก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ สืบแทน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนนี้
สำหรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเกษียณอายุในปี 2563 นอกว่าจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอายุน้อยที่สุด และเขายังมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวยาวนานถึง 5 ปีเต็ม ถือว่ายาวนานที่สุด
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากคำพูดให้เหตุผลของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เสนอชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ให้ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติพิจารณาเห็นชอบว่า
“ในส่วนตัวเท่าที่ทำงานร่วมกันมา 1 ปี ถ้าในภาวการณ์เช่นปัจจุบันหรือในอนาคต ผมเชื่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า รอง ผบ.ตร. คนอื่นไม่มีความสามารถ ทุกคนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ตำแหน่งมีเพียงหนึ่งเดียว ก็จำเป็นจะต้องเสนอท่านที่คิดว่าและผมเห็นว่าเหมาะสมที่สุด และคณะกรรมการ ก.ต.ช. เห็นว่า เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด
เมื่อถามเรื่องประเด็นเรื่องความอาวุโส ผบ.ตร. ได้มีการพิจารณาและมีการถามถึงใน ก.ต.ช. หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า “ไม่มีการนำขึ้นมาพิจารณาเรื่องอาวุโส มีการพิจารณาเรื่องความเหมาะสมเป็นหลัก ถามต่อว่ากรณีที่เลือก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตรงใจกับนายกฯ ด้วยหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าตามใจท่านทุกอย่าง และได้มีการหารือกับท่านนายกฯ รวมถึงได้นำเรื่องหลาย ๆ อย่างของทุกท่านที่ได้เขียนวิสัยทัศน์มา กราบเรียนให้ท่านนายกฯ ทราบว่า คนนั้นมีจุดแข็งจุดอ่อนจุดดีจุดด้อยตรงไหน คนไหนเหมาะสมกับภาวการณ์ หรือสถานการณ์ และคนไหนมีศักยภาพด้านไหน ทุกคนมีความรู้ความสามารถ แต่จุดแข็งจุดอ่อนอาจจะต่างกัน ตรงนี้เป็นเรื่องที่นายกฯได้พิจารณา แต่ไม่ได้สั่งให้ดำเนินการว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ได้ให้คำแนะนำ เมื่อผมได้นำชื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ต.ช. และทาง ก.ต.ช. มีความเห็นว่าเหมาะสมก็พิจารณา”
คำตอบของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ชัดเจนว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีความเหมาะสมที่สุดทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ไม่มีการพิจารณาเรื่องประเด็นความอาวุโส และที่สำคัญ “ได้ทำตามใจท่านนายกฯทุกอย่าง และมีการหารือกับท่านนายกฯมาแล้ว” ทุกอย่างก็ชัดเจนว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ถูกคัดเลือกมาเรียบร้อยล่วงหน้าแล้ว ส่วนมติที่ประชุมหากมองในมุมของ “พิธีกรรม” แบบทางการก็อาจมองอย่างนั้นได้
ในสถานการณ์พิเศษทั้งวันนี้และในอนาคตก็คือเหตุผลสำคัญในการคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด และมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 5 ปี มันก็สามารถมองเชื่อมโยงไปถึงการเคลื่อนไหวในด้านอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ เวลานี้กำลังมีการจับตากันว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่จะเป็นชื่อ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก “น้องชาย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ ถ้าใช่ก็ถือว่า “สถานะ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีหลักประกันในอนาคตได้อย่างมั่นคงที่สุด
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว ทั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ เหตุการณ์การ “ปรับคณะรัฐมนตรี” ชุดใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งหลายคนมองว่านี่คือ “การต่อรอง” และกระชับอำนาจให้มั่นคงขึ้นมากว่าเดิม เพื่อรองรับสถานการณ์ “ความอ่อนไหว” ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
ที่บอกว่า “ต่อรอง - แบ่งปันอำนาจ” นั้น ต้องสังเกตว่ารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นานเกินรอก็ต้องจับตาว่าจะมี “บิ๊กทหาร” บางคนในกองทัพที่กำลังจะเกษียณอายุในเดือนกันยายนมาร่วม หรือมีการ “ขยับเก้าอี้” ให้สูงขึ้นหรือไม่ ถึงตอนนั้นก็จะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าใช่หรือไม่ใช่ หลังจากที่มีความชัดเจนจากการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่มาแล้ว เพราะถ้าให้พิจารณาสรุปก็ต้องสรุปว่า นี่คือ การ “แบ่งปันอำนาจ” กันระหว่าง “จันทร์โอชา และวงษ์สุวรรณ” กันอย่างลงตัว ที่ผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ และเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก หากทุกอย่างจะต้องพิจารณาในเรื่องความมั่นคงในสถานการณ์พิเศษในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเส้นทางที่กำลังวางไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ต่ออายุ” โดยอ้างภารกิจสานต่อการปฏิรูปอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยใช้เวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 2 ปีแน่นอน หลังจากเริ่มได้เห็นโฉมหน้าของ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ !!