xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ใหญ่” บารมีคับวงใน แต่ในสายชาวบ้านวงนอกน่าระแวง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เมื่อวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาบรรยากาศที่บ้านพักมูลนิธิรอยต่อ 5 จังหวัดในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เป็นไปอย่างคึกคักอลังการ เนื่องจากมีการจัดงานอวยพรวันเกิดครบรอบ 70 ปีล่วงหน้าให้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนวันครบรอบวันเกิดในวันที่ 11 สิงหาคม


ที่ว่าคึกคักอลังการเนื่องจากมีข้าราชการระดับสูง ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้านักธุรกิจใหญ่มากมายมาอวยพรแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง หากพิจารณาจากรายชื่อก็ต้องบอกว่า “เจ๋งจริง”

บุคคลสำคัญดังกล่าวที่เดินทางมาร่วมงาน เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด

พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก นำคณะบุคคลต่างๆ เข้ามอบกระเช้าดอกไม้แก่ พล.อ.ประวิตร โดยย้ำว่าตลอดเวลาที่ผ่านได้เห็นแบบอย่างของความวิริยะอุตสาหะในการทำให้เกิดความสมานฉันท์ในประเทศอย่างยั่งยืน และการปฏิบัติงานเพื่อชาติ ซึ่งกองทัพบกและผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศและประชาชนเช่นเดียวกัน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบกรวมทั้ง และบุคคลต่างๆ ที่เดินทางมาในวันนี้ โดยถือว่าเป็นน้ำใจไมตรีที่ดี 1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วและมีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างมาก ทั้งนี้ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ เพราะในขณะนั้นยังไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่ปีนี้เข้ามาร่วมรัฐบาลแล้ว

ที่ผ่านมาย้ำข้าราชการทุกคนทุ่มเทการทำงานอย่างยิ่ง และได้ฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคมากมาย โดยยืนยันว่า ทุกฝ่ายจะร่วมทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อบ้านเมือง รัฐบาลเสียสละเพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า และเกิดความสามัคคีปรองดองในชาติ โดยไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศ และประชาชน โดยในโอกาสอายุครบ 70 ในปีนี้ ถือว่าอายุมากแล้ว แต่จะทำงานเพื่อประเทศต่อไป และฝากทุกฝ่ายช่วยกัน เพื่อรักษาชาติและเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

นั่นเป็นคำพูดและรายนามของระดับบิ๊กๆ ภายในงานมงคลดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของงานต้องมีระดับ “เข้าขั้น” ทีเดียวที่สามารถระดมบุคคลเหล่านี้เข้ามาพร้อมหน้าในคราวเดียวกันได้ ขณะเดียวกัน ภาพที่เห็นก็สามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าเขาต้องมี “บารมี” ทีเดียว

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นผู้มีบารมีในหมู่ “วงใน” หรือในระดับข้าราชการและกองทัพ ในระดับพ่อค้าที่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แปลกอย่างยิ่งที่ “ภาพภายนอก” กลับออกมาในทางตรงกันข้าม เป็นภาพที่ชาวบ้านทั่วไปยังมองเขาด้วยสายตาที่ “น่าหวาดระแวง” ไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะรับรู้หรือไม่ เพราะด้วยสังคมแบบวงในดังกล่าวอาจจะไม่เคยมีใครกล้ารายงานตรงๆ นอกจากเจ้าตัวต้องมีความรู้สึกด้วยตัวเองเท่านั้น

แม้ว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะยืนยันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ดิ้นรนเพื่อแสวงหาอำนาจ ไม่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคต และย้ำว่าสาเหตุที่ต้องเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีดูแลความมั่นคงในรัฐบาลชุดปัจจุบันก็เพียงเพื่อต้องการช่วยชาติบ้านเมือง และช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีความตั้งใจในการแก้ปัญาเท่านั้น หากเสร็จภารกิจแล้วก็จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ แต่กลายเป็นว่าในสายตาของชาวบ้านโดยเฉพาะในสายตาของชาวบ้านระดับชนชั้นกลางที่มี “เสียงดัง” กลับยังไม่ให้ค่าในทางบวกเท่าใดนัก นอกจากนี้หากพิสูจน์จากผลสำรวจที่ออกมาทุกครั้งชื่อของเขาก็ไม่เคยโดดเด่นออกมา

ดังนั้นก็ต้องมาพิจารณากันว่ามีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ สิ่งหนึ่งอาจเป็นเพราะเขามีภาพลักษณ์ที่ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน มีบุคลิกแบบการเมืองยุคเก่า ไม่ใช่นักการเมืองสมัยใหม่ ที่ต้องมีบุคลิกเปิดเผย เป็นกันเองกับสังคม แต่เท่าที่เห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นลักษณะของอำนาจ แสดงบารมีที่ยากต่อการเข้าถึง ขณะที่สังคมยุคใหม่ได้เปลี่ยนไปเกือบจะสิ้นเชิงแล้ว เช่นต้องมีความทันสมัยเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย

ขณะเดียวกัน ที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือ “คนรอบข้าง” ทั้งที่เป็นญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดที่มีบทบาททั้งทางตรงและอยู่เบื้องหลังล้วนมีภาพลักษณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ สิ่งเหล่านี้ยิ่งลดทอนความน่าเชื่อถือต่อตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณให้ติดลบน่าหวาดระแวงยิ่งขึ้นอีก และแม้ว่าเขาจะย้ำว่าไม่ได้แสวงหาอำนาจ แต่คำถามว่าก็คือทำไมในสายวงนอกถึงยังมองด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น