นายกฯ ไม่สนใจ เด็ก พท.อุทธรณ์ศาลปกครองเลิกคำสั่งห้ามบินนอก ชี้อยู่ที่ดุลพินิจศาล ไล่ดูพฤติกรรมคนฟ้องตอนปี 53 ยังเป็นคนมาต่อรอง ศอฉ.จนเกิดเหตุรุนแรง ย้อนคนที่เข้ามาถูกแต่ทำเลวทำไมไม่โจมตีบ้าง สวนพลเมืองโต้กลับฟ้องเป็นกบฏ ลั่นทำไปแล้วจะลงโทษอะไร เผยต้องสร้างแรงจูงใจให้ต่างชาติถ่ายหนังในไทย
วันนี้ (11 ส.ค.) ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดให้รับฟ้องคดีที่หัวหน้า คสช.สั่งห้ามออกเดินทางไปนอกประเทศนั้น “ก็ฟ้องมาดิ ไม่สนใจ ผมไม่สนใจ ฝ่ายกฎหมายเขาดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่าถ้าศาลรับอุทธรณ์จะดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็รับไปสิอยู่ที่ดุลพินิจของศาล
“อยากให้ดูพฤติกรรมไอ้คนฟ้องว่าเป็นอย่างไร ดูพฤติกรรมก่อน รู้หรือไม่ว่าตอนปี 53 เขาอยู่ตรงไหน เขามาด่าผม แล้วผมต้องพูดแล้วหละ แต่มันลืมไปแล้ว รู้ไหมเมื่อปี 53 เขาอยู่ตรงกลางราชประสงค์ ประตูน้ำ เขานี่แหละเป็นคนต่อรองมาตลอดกับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อย่างงี้อย่างงั้น เดี๋ยวผมจะเลิก นั่นแหละคือเขา รู้ซะบ้าง ทั้งแก๊งนั่นแหละ เราก็โอเค ใครจะป่วยจะไข้ก็ดูแล หวังว่ามันคงจะเรียบร้อย ปรากฏว่าความรุนแรงก็เกิดขึ้น ก็คนเหล่านี้รู้เรื่องทั้งหมด ผมถามว่าคุณจะเชื่อใคร เชื่อเขาหรือเชื่อผม ก็แล้วแต่ ศาลเขาก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องทำหน้าที่ของเขา ผมก็รู้ตัวผมว่าอยู่ในฐานะไหน วันนี้ผมเป็นคนถือกติกาอยู่ ทำไมล่ะ ผมทำความเลวหรือ ผมเข้ามาอาจจะไม่ถูก แต่ผมเข้ามาเพื่อทำความเลวหรือเปล่า ผมไม่ได้ทำ ใครที่เข้ามาถูกแล้วทำความเลวเยอะแยะ ทำไมไม่โจมตีเขาบ้างล่ะ”
เมื่อถามต่อว่า ในส่วนของกรณีที่พลเมืองโต้กลับร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องที่ พล.อ.ประยุทธ์กับพวกซึ่งเป็นคณะ คสช.รวม 5 คนเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นกบฏ ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ โดยศาลอาญารับอุทธรณ์แล้วจะทำอย่างไร “ก็รับไป แล้วยังไง ผมทำแล้วไง ทำไมจะลงโทษอะไรผม”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมการถ่ายภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทยในรูปแบบมาตรการคืนเงินว่าต้องมีมาตรการที่สร้างแรงจูงใจ เพราะหนังหลายเรื่องเคยจะมาทำที่เมืองไทย และไม่ได้ทำเพราะความไม่ชัดเจน ต้องมีมาตรการแรงจูงใจสักระยะหนึ่ง วันนี้อยากให้ทุกคนช่วยกันคิด รัฐบาลเราเป็นรัฐบาลปฎิรูป เป็นรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว บางอย่างทำเป็นการชั่วคราวได้ ซึ่งมาตรการทางภาษีการสร้างแรงจูงใจมันกำหนดสั้นๆ ได้ ไม่ใช่ยาวไปรัฐบาลหน้า รัฐบาลนี้ก็จะทำให้เกิดงานเกิดเงินขึ้นมาให้ได้ ถ้าเราไม่ดูเรื่องภาษี ไม่ผ่อนผัน อย่างไรก็ไม่เกิด ภาษีก็เก็บไม่ได้อยู่แล้ว และถ้าเราลดภาษีในสิ่งที่เราไม่ได้เงิน มันจะเสียหายตรงไหน ตนไม่รู้ นี่เป็นมาตรการทางการเงินที่เราต้องคิด