ศาลปกครองไม่รับฟ้องคดีขอให้ “เขยซีพี” เพิกถอนประกาศ คสช. ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ชี้มาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติให้คำสั่ง คสช. ชอบด้วยกฎหมายและเป็นที่สุด ศาลตรวจสอบไม่ได้
วันนี้ (3 ส.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นฟ้องหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีขอให้เพิกถอนประกาศ คสช. ฉบับที่ 21/2557 ลงวันที่ 23 พ.ค. 57 เรื่องห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เนื่องจากนายวัฒนาเป็นบุคคลมีชื่อในประกาศดังกล่าวด้วย โดยในคำสั่งของศาลปกครองกลาง ระบุว่า เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 โดยมาตรา 47 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า บรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. หรือคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 22 พ.ค. 57 จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทางรัฐธรรมนูญ ในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้ประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้น ไม่ว่าจะกระทำก่อนหรือหลังวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ เป็นประกาศหรือคำสั่ง หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด และให้ประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกกว่าจะมีกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่ง แล้วแต่กรณี แก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก
ดังนั้น บทบัญญัติดังกล่าวจึงมีผลให้ศาลปกครองไม่อาจตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของประกาศ หรือคำสั่งของ คสช. หรือคำสั่งของหัวหน้า คสช. ตลอดจนการกระทำที่เป็นการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวได้ ซึ่งประกาศ คสช. ฉบับที่ 21/2557 ลงวันที่ 23 พ.ค. 57 ที่ห้ามบุคคลจำนวน 155 คน รวมถึงนายวัฒนา เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาต เป็นประกาศที่ได้ประกาศระหว่างวันที่ 22 พ.ค. 57 จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 ถือเป็นประกาศที่มีผลบังคับในทางบริหาร และการที่หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งไม่อนุญาตให้นายวัฒนาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 17 ก.ค. 58 ก็เป็นการปฏิบัติตามประกาศฉบับดังกล่าว จึงเป็นประกาศและเป็นการปฏิบัติตามประกาศที่มาตรา 47 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 57 บัญญัติให้เป็นประกาศและการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้เป็นที่สุด ศาลปกครองจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ภายหลังรับทราบคำสั่งศาลแล้ว นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความของนายวัฒนากล่าวว่าจะรายงานผลคำสั่งไม่รับฟ้องของศาลปกครอกลางให้นายวัฒนาทราบ เราจะไม่หยุดคดีเพียงเท่านี้ เพราะเราเห็นว่ายังมีข้อกฎหมายและหลักเสรีภาพที่ประกาศ คสช.ยังขัดอยู่ ดังนั้นจะหารือกับนายวัฒนาเพื่อเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป เราจะมีเวลา 30 วันตามกฎหมาย หากดำเนินการทำคำอุทธรณ์ไม่ทันภายในกรอบเวลาดังกล่าว เราก็จะยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์ต่อไป