xs
xsm
sm
md
lg

รับลูก “บิ๊กตู่” ให้ คตร. สอบ สสส.ฟุ่มเฟือยหรือไม่-ใช้รายงานปี 2544-2557 ประกอบผลสอบ สตง.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ยงยุทธ” รับลูก “บิ๊กตู่” ไฟเขียว คตร.สอบ สสส.ใช้เงินภาษีบาปที่ได้รับการอุดหนุนฟุ่มเฟือยจริงหรือไม่ เผย คตร.เล็งใช้รายงาน สตง.ปี 2551 ตรวจซ้ำ สสส.ใช้จ่ายเงินไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร พร้อมดูรายงานประจำปีกองทุนฯระหว่างปี 2544-2557 ประกอบถึงบัญชีเงินบำรุงกองทุนที่ สสส.ได้รับมาจากภาษีบาป ด้านนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ มธ.จวกเป็นองค์กรให้เอ็นจีโอมาแฝงตัวหากิน

วันนี้ (10 ส.ค.) มีรายงานว่า นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม ได้ออกมายอมรับว่าทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้แจ้งให้ตนทราบแล้วว่า คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะเข้ามาตรวจสอบในประเด็นการถูกกล่าวหาว่าองค์กรนี้ใช้เงินฟุ่มเฟือย โดยได้แสดงคว่ามยินดีที่จะให้ คตร.เข้ามาตรวจสอบ

“เพราะเงินส่วนนี้เมื่อได้มา ก็ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีการนำไปใช้อย่างถูกต้องและไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นเห็นด้วยเต็มที่ที่จะมีระบบตรวจสอบที่เหมาะสม” นายยงยุทธกล่าว และว่า ส่วนที่หากมีการกำหนดให้ในอนาคต การใช้เงินงบประมาณของ สสส.ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาจะทำให้การพิจารณารอบคอบขึ้นหรือไม่ เห็นว่า “ถ้ามองในแง่ดีก็ถือว่ารอบคอบขึ้น แต่ถ้ามองในแง่ของความเป็นห่วง ก็อาจเป็นไปได้ที่จะถูกแทรกแซงทางการเมืองได้ ยิ่งถ้าหน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่ไปอยู่ใต้กระทรวง ซึ่งต่อไปยังไม่รู้ใครจะมาคุม ถ้าเผื่อเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดที่ส่วนใหญ่รับไม่ได้ ก็จะมีปัญหาได้ เราก็ต้องระวัง บางทีอยากทำให้ดี กลับกลายเป็นไม่ดี”

ส่วนข้อข้อเสนอให้องค์กรเพื่อประโยชน์สาธารณะเช่น สสส. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) และสำนักงานบริหารงานกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้เปลี่ยนมาใช้งบประมาณปกติ แทนเงินอุดหนุนจากภาษีบาปซึ่งถูกมองว่าไม่ได้รับการตรวจสอบเท่าที่ควร ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าจะเป็นอย่างไร แต่เห็นหลายฝ่ายออกมาแสดงความเห็นด้วย

มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ระบุว่าจะให้ คตร. เข้าไปดู โดยยืนยันว่าเป็นการเข้าไปตรวจสอบ ไม่ได้ไปกลั่นแกล้ง “เป็นการตรวจสอบตามปกติ ที่ทุกหน่วยงาน ทุกกองทุนจะต้องมีการตรวจสอบ โดยให้ คตร.ไปตรวจสอบ เพื่อทำให้มันถูก เรื่องนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนจะมีวิธีการอย่างไรก็ให้ไปว่ากันมา”

มีรายงานจาก คตร.ว่า คตร.จะนำรายงานของ สตง.เรื่องการตรวจสอบการดำเนินงานของ สสส.เมื่อปี 2551 และรายงานประจำปีของกองทุน สสส. ระหว่างปี 2544-2557 ที่รายงานต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (2544-2557) มาตรวจสอบประกอบไปด้วย รวมไปถึงบัญชีเงินบำรุงกองทุนที่ สสส.ได้รับมาพิจารณา โดยเฉพาะรายได้หลักที่ได้มาจากภาษีบาป

เบื้องต้นรายงานของ สตง.ปี 2551 ระบุว่า “การใช้จ่ายเงินของ สสส.ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร กรณีอนุมัติให้เงินอุดหนุนจำนวนมากแก่แผนงาน/ชุดโครงการ/โครงการเชิงรุกที่มีรายละเอียดไม่ชัดเจนเพียงพอ ทำให้มีเงินคงเหลือจากการดำเนินงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ สสส.เสียโอกาสในการนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการอุดหนุนแผนงาน/ชุดโครงการ/โครงการเชิงรุกที่มีความจำเป็นอื่นๆ และการไม่กระจายตัวของภาคีเป็นการไม่เปิดกว้างให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมีโอกาสแข่งขันด้วยความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน

อีกด้าน รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงยังเฟซบุ๊ค ส่วนตัวระบุว่ากองทุน สสส.นั้นเป็นบ่ออุจจาระ ที่พวกเอ็นจีโอใช้ทำมาหารับประทานกันอย่างสุรุ่ยสุร่าย อิ่มหนำปากมันกันมานานมาก ใครยื่นมือไปแตะก็จะแยกเขี้ยวขู่ตะคอก ทำโครงการเสนอเข้าไปอนุมัติได้มาแล้วก็ใช้จ่ายเละเทะ ทั้งเงินเดือนที่ปรึกษาโครงการ หัวหน้าโครงการ นักวิจัย ผู้ช่วย เลขาฯ ค่าเดินทางทั้งในประเทศและบินไปต่างประเทศ ฯลฯ ทั้งหมดคือเงินภาษีของประชาชน แต่ผลประโยชน์ไม่ได้ตกไปถึงเด็ก สตรี คนชรา คนป่วยที่อ้างเอามาหากิน แต่คือผลประโยชน์ของพวกเอ็นจีโอที่ทำโครงการ

ตัวเอ็นจีโอก็ใช้ชีวิตสุขสบายแบบคนชั้นกลางระดับบน เดินทางไปต่างประเทศก็นั่งชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง มีเงินเก็บมากมายถึงขั้นส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัยเมืองนอก แล้วยังใช้โครงการพวกนี้มาคุยอีกว่าพวกข้าเป็นนักอุดมการณ์ เสียสละส่วนตัวทำเพื่อชาวบ้าน คนเล็กคนน้อย คนด้อยโอกาส เอาโครงการพวกนี้ไป สะสมทุน สร้างภาพ เพื่อสังคม จนเข้าตาพวกเผด็จการศักดินา ได้รับปูนบำเหน็จเป็น ที่ปรึกษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้หน่วยราชการ ไปถึงสมาชิกวุฒิสภาลากตั้ง เวลารัฐประหาร ก็ได้ขึ้นวอ เป็นสภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติ ฯลฯ

“กับพวกนักการเมือง เอ็นจีโอจะด่า เกลียด ขยะแขยง ต้องจับนักการเมืองเปลื้องผ้าตรวจสอบคนพวกนี้ทุกรูขุมขน ตรวจเข้าไปจนถึงในรูทวาร แต่กลับพวกเอ็นจีโอด้วยกันห้ามสงสัย ไม่ต้องตรวจสอบ เพราะพวกข้าคือ คนดี มีอุดมการณ์เพื่อสังคม ไว้ใจให้กำเงิน ถลุงเงินปีละนับหมื่นล้านได้โดยไม่ต้องตรวจสอบ ไม่ต้องตั้งคำถาม ที่มีคนเคยด่าคนพวกนี้ว่า นายหน้าค้าความจน นั้นยังน้อยไป เพราะจริงๆ แล้วคนพวกนี้มันเป็น กาฝาก ปลิงดูดเลือดคนจน มากกว่า” รศ.ดร.พิชิต เขียนทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น