สปช.พลังงาน เปิดข้อเสนอ 8 ประเด็น ปฏิรูประบบพลังงาน เผยสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เน้น 2 โครงการ “ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี-การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย” ปฏิรูประบบพลังงานและกองทุนน้ำมันให้เป็นรูปธรรม ลดการผูกขาดในกิจการไฟฟ้า ก๊าชธรรมชาติ และน้ำมัน ตลอดสายตั้งแต่การผลิต
วันนี้ (10 ส.ค.) มีรายงานว่า หลังจากนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล โฆษกกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมคณะ ได้แถลงถึงการดำเนินงานและเห็นชอบในข้อเสนอการปฏิรูประบบพลังงานทั้ง 8 ประเด็น ได้แก่ 1. ปฏิรูประบบพลังงานและกองทุนน้ำมัน เพื่อการแข่งขันเสรีในราคาที่เป็นธรรม 2. ลดการผูกขาดในกิจการไฟฟ้า ก๊าชธรรมชาติ และน้ำมัน ตลอดสายตั้งแต่การผลิต จัดหา การบริหารระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า 3. ให้ประชาชนและชุมชนติดตั้งโซลาร์รูฟเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองอย่างเสรี และสามารถขายส่วนที่เหลือเข้าระบบได้ในราคาที่เป็นธรรม 4. ให้ผู้แทนทุกภาคส่วน ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่หน้าที่กำหนดนโยบาย วางแผน จัดตั้งและบริหาร 5. ให้ชุมชนร่วมบริหารกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจัดตั้งกองทุนพลังงานเพื่อสังคม 6. ปฏิรูประเบียบและโครงสร้างหน่วยราชการในการอนุรักษ์พลังงานในภาครัฐและเอกชน 7. ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้าในกลุ่มประชาคมอาเซียนและภูมิภาคข้างเคียง และ 8. ส่งเสริมการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
มีรายงานว่า ข้อสนอและแนวทางส่วนใหญ่ที่ สปช.พลังงานเสนอสอดคล้องกับมติ คณะรัฐมนตรี เช่น 1. ข้อเสนอปฏิรูประบบพลังงานและกองทุนน้ำมัน เพื่อการแข่งขันเสรีในราคาที่เป็นธรรม สอดคล้องกับการปฏิรูประบบกองทุนน้ำมัน ด้วยการรวมการบริหารกองทุนและตั้งองค์กรขึ้นใหม่ ป้องกันการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง เพื่อสร้างธรรมาภิบาลการบริหารงานควบคู่กับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในกลุ่มประชาคมอาเซียนและภูมิภาคข้างเคียง
2. ข้อเสนอลดการผูกขาดในกิจการไฟฟ้า ก๊าชธรรมชาติ และน้ำมัน ตลอดสายตั้งแต่การผลิต จัดหา การบริหารระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า โดยต้องให้ลดและกำกับกิจการที่มีการผูกขาดเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม จัดให้มีระบบโครงสร้างพื้นฐานการผลิตและการสำรองพลังงาน เพื่อความมั่นคงทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายพลังงาน ร่วมตรวจสอบและกำกับการดำเนินนโยบายของรัฐ มีข้อเสนอให้เพิ่มทางเลือกของระบบการให้อนุญาตสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้หลายระบบที่ไม่จำกัดเฉพาะระบบการให้สัมปทาน โดยภาครัฐควรปรับปรุง พ.ร.บ.ปิโตร เลียม และจัดให้มีองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมด้วยการลงทุนเองหรือร่วมทุนกับเอกชน โอนย้ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มาอยู่ในสังกัดของกระทรวงพลังงาน เช่นเดียวกันกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.).
3. ข้อเสนอให้ประชาชนและชุมชนติดตั้งโซลาร์รูฟเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองอย่างเสรี และสามารถขายส่วนที่เหลือเข้าระบบได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการปฏิรูปเร็ว (Quick Win) เรื่องการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้า ด้วยแสงอาทิตย์สำหรับบ้านและอาคาร) โครงการนี้ ครม.เห็นชอบให้ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรีตามที่กระทรวงพลังงานได้เสนอให้ดำเนินการโดยมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รับไปจัดทำรายละเอียด ในกรณีบ้านที่อยู่อาศัยขนาดชุดละไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ และในกรณีอาคารทั่วไปขนาดชุดละไม่เกิน 500 กิโลวัตต์ ภายในปี 2558 ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์รูฟให้ใช้ก่อนในอาคาร เมื่อมีส่วนเกินให้การไฟฟ้าฯ รับซื้อในราคาพิเศษ และมีเน็ตมิเตอร์วัดปริมาณไฟฟ้าส่วนเกินที่ขายได้
4. ข้อเสนอให้ผู้แทนทุกภาคส่วน ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่หน้าที่กำหนดนโยบาย วางแผน จัดตั้งและบริหาร ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินนโยบายพลังงาน ร่วมตรวจสอบและกำกับการดำเนินนโยบายของรัฐ 5. ข้อเสนอให้ชุมชนร่วมบริหารกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจัดตั้งกองทุนพลังงานเพื่อสังคม 6. ข้อเสนอปฏิรูประเบียบและโครงสร้างหน่วยราชการในการอนุรักษ์พลังงานในภาครัฐและเอกชน
7. ข้อเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้าในกลุ่มประชาคมอาเซียนและภูมิภาคข้างเคียง ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางตลาดซื้อขายไฟฟ้าและพลังงานอาเซียน 8.ข้อเสนอส่งเสริมการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยสอดคล้องกับ โครงการปฏิรูปเรื่อง “การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย” ทั้งนี้หลังจาก คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการผลิตผลงานวิจัยรถยนต์ไฟฟ้าให้สำเร็จในปี 2558 นี้
ขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับ “แนวทางการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้าให้แก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)” โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาเงื่อนไขการจัดซื้อต่างๆ รวมทั้งให้เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ เพิ่มกลุ่มวิจัยเพื่อเป้าหมายนี้โดยเฉพาะด้วย ถือเป็นความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วและชัดเจนที่สุดของฝ่ายนโยบาย ซึ่งนำไปสู่การทดลองวิ่งของรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก.ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา