นายกฯ เผยการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ อายุราชการไม่มีผล ระบุนอกจากผลงาน การปฏิบัติตนแล้ว ต้องคำนึงถึงสถานการณ์พิเศษในขณะนี้ด้วยว่าผู้ที่จะเข้ามาจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบได้ ส่วนการถอดยศ “นช.ทักษิณ” ต้องรอบครอบเป็นไปตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันเกิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) วันนี้ (10 ส.ค.) นอกจากบรรยากาศเป็นไปคึกคักแล้ว ยังมีการจับตามองแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ โดยระหว่างรอตั้งแถวอวยพร พล.อ.ประวิตรนั้น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ได้นั่งร่วมโต๊ะพูดคุย ดื่มกาแฟพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี แม้จะเป็นแคนดิเดตตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ว่า ทำไมสื่อต้องสนใจเรื่องนี้มากนัก ใครจะเป็นก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ต้องสร้างระบบให้ได้ และไม่ใช่ไปทำลายเกียรติยศของเขา มีอดีตตำรวจคนหนึ่งทำลายเกียรติของตำรวจด้วยกันเองยังไม่พอ ยังทำลายเกียรติของทหารอีก
ส่วนอายุราชการ 1 ปีมีผลต่อการพิจาณาหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันในกรณีของตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อยู่ในตำแหน่งเพียงปีเดียวก็มีหลายคน แต่ละคนก็ได้สร้างสรรค์งานเอาไว้ สิ่งใดที่ทำไม่เสร็จก็ส่งต่อให้คนใหม่ อย่างตนก็รับช่วงต่อมาจาก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ โดยสิ่งเหล่านี้ก็เรียกว่าความผูกพัน ทั้งเรื่องส่วนตัว ความเชื่อมั่นศรัทธาในการทำให้กำลังพล ลูกน้อง และประเทศชาติ ไม่ได้คิดทีละเรื่องว่าจะตั้งหรือจะปลดใคร เพราะกลไกมีอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ บ้านเมืองไม่เรียบร้อย ดังนั้นการพิจารณาว่าจะตั้งใครก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย รวมถึงผลงาน การปฏิบัติตน วันนี้จะทำอย่างไร และวันข้างหน้าจะทำให้บ้านเมืองสงบอย่างไร อย่าคิดว่าใครเป็นคนของใคร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ใช้ในการเลือก ผบ.ทบ.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีขั้นตอนกำหนดไว้อยู่โดยเลือกจาก 5 เสือ ทบ. นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล โดยจะต้องพิจารณาถึงความอาวุโส ความสามารถและความเหมาะสม ไม่ใช่ไปเลือกใครส่งเดช และที่สำคัญต้องมาจากกองทัพบก ถึงอย่างไรการแต่งตั้งทหารต้องมาจากทหาร ไม่ได้มาจากตำรวจ
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า กำลังกลั่นกรองอยู่ โดยมีกรอบกฎหมายในการดำเนินการ วันนี้ก็คุยกันและให้กระทรวงยุติธรรมไปดู ไม่อยากผลีผลาม ไม่อยากใช้ความรู้สึกทำงานเพราะปัญหาจะเกิดต่อไป ทั้งนี้ตนไม่ได้เข้าข้างเขา ที่ตนต้องพูดเรื่องนี้เองโดยทบทวนว่ามันติดขัดตรงไหน จากที่เราคิดว่ากฎหมายตำรวจเดิม 7 ข้อที่เขียนไว้บังคับใช้กับตำรวจที่อยู่ในราชการเท่านั้น
สำหรับการถอดยศจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นความผิดที่เขาไปพูดจาเสียหาย ตอนนั้นเกิดกระแสกดดันก็เลยผลีผลามกันมากเกินไป ทั้งนี้ ตนไม่ต้องการช่วยใคร เพราะช่วยใครไม่ได้ ขอได้เห็นใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะทำงานท่ามกลางความกดดัน และความรู้สึกของคนไม่ได้ เพราะคนมีสองกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในทุกเรื่องอย่าเอามาตีกัน ใครจะเป็นก็เหมือนกัน เพราะตนไม่ได้อยู่ไปตลอด ใครเป็นแล้วทำงานไม่ได้ก็เปลี่ยน
