รมว.ยุติธรรม เตรียมประชุม ตร.-กฤษฎีกา ถกปมถอดยศ “ทักษิณ” 11 ส.ค.นี้ สงสัยที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน เพื่อจะได้ตอบคำถามสังคมได้ ย้ำจะไม่ใช้ความรู้สึกตัดสิน เพื่อให้กฎหมายบังคับใช้ต่อไปได้
วันนี้ (10 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ดำเนินการติดตามเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เรียกคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมมาหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) เวลา 15.30 น. ได้เชิญคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาประชุมร่วมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งเชิญสำนักงานกฤษฎีกามาเข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวได้สั่งให้คณะทำงานทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารมาชี้แจงให้ครบ เพื่อจะได้ดูว่าตามระเบียบปฏิบัติแล้วสามารถทำได้หรือไม่ เพราะอะไร และที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน เพื่อจะได้ตอบคำถามให้ประชาชนได้ชัดเจน ก่อนจะรายงานผลให้พล.อ.ประยุทธ์ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าได้มีการพูดคุยเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่ติดตรงหลักการที่ว่าต้องทำในขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นตำรวจ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ผบ.ตร.ก็จะต้องมาชี้แจงรายละเอียดให้ตนทราบอีกครั้ง เพราะตนไม่สามารถตอบแทนนายกรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม อำนาจหน้าที่เป็นของ ตร. ทั้งนี้ กระบวนการของตนคือการประชุมในวันที่ 11 ส.ค.นี้จึงจะสามารถตอบได้ว่าสามารถดำเนินการถอดยศได้หรือไม่
เมื่อถามอีกว่า กรณีที่มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูเรื่องนี้หลายฝ่ายจะเป็นการยื้อเรื่องหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่ได้มองว่าจะยื้อเรื่องหรือไม่ แต่การที่สังคมมองประเด็นนี้ จึงทำให้ทางรัฐบาลมีความรู้สึกกังวล ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่สังคมสนใจฝ่ายบริหารก็ต้องลงไปดูแล ดังนั้น ตนจึงได้บอกว่า เราต้องตอบสังคมให้ชัดว่าการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถทำได้หรือไม่ เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ซึ่งตนจะพิจารณาในส่วนของกฎหมายเท่านั้น
“ผมไม่ได้สนใจว่าจะชื่ออะไร ผมสนใจว่าลักษณะอย่างนี้ทำได้หรือไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าประชาชนอยากรู้เรื่องนี้ ผมจึงต้องทำให้ชัด ทั้งนี้ ผมอยากเรียนว่า ไม่ควรยึดติดชื่อ ยึดติดอะไรอย่างนี้ เพราะจะไม่สามารถทำงานอะไรได้สักอย่าง ถ้ากฎหมายบังคับคนนี้ไม่ได้ แต่บังคับอีกคนได้ มันก็ทำให้เราคิดว่า สมมติว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ถอดยศเจ้าหน้าที่ของเขามาตลอดไปเกี่ยวพันกับลักษณะอย่างนี้ หรือเหมือนกันกับประเด็นที่เรากำลังพิจารณาอยู่นี้ ตกลงคนที่ถูกถอดไปแล้วจะมีสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมหรือไม่ ว่าอันนั้นได้ อันนี้ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องตอบสังคมให้ชัดเจน” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นตำรวจว่า เราก็ต้องไปดูว่าลักษณะนี้ ตร.ได้เคยมีการถอดถอนยศหรือไม่ ถ้าไม่เคยก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคม ซึ่งตนจึงต้องเรียกมาสอบถามว่าลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะจะได้นำข้อมูลมาพิจารณากัน ทั้งนี้ หากกฎหมายระบุว่าไม่สามารถทำได้ เราก็ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าไม่สามารถทำได้ เพราะอะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการระบุว่าหากมีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะกระทบต่อความรู้สึกของผู้ที่ชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา กลุ่มคนเหล่านั้นก็ต้องยอมรับคำตัดสินของกฎหมาย ไม่สามารถแบ่งแยกกันได้ เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ต้องเคารพกฎหมาย เพื่อให้สังคมอยู่ได้ ไม่เช่นนั้นกฎหมายจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ ต้องแยกความรู้สึกออกไป
