“บิ๊กต๊อก” ไม่หนักใจ! ถอดยศ “ทักษิณ” ยันรู้ผลเดือน ส.ค.นี้

“บิ๊กต๊อก” ไม่หนักใจ นายกฯ มอบ ยธ. ร่วมดำเนินการถอดยศ “ทักษิณ” ระบุสิ้นเดือน ส.ค. นี้ให้คำตอบทำได้หรือไม่

วันนี้ (8 ส.ค.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมติดตามเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ในสัปดาห์หน้าจะทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเชิญ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ 10 หัวหน้าคณะกรรมการการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประชุมรวมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องนี้ แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมาย ซึ่งตนก็ต้องเข้าไปดูว่าข้อกฎหมายกระทำได้หรือไม่และติดขัดในส่วนใด รวมทั้งการนำกรณีที่เคยพิจารณาก่อนหน้านี้ มาเป็นข้อมูลและมาตรฐานในการพิจารณาว่าการถอดยศลักษณะนี้กระทำได้หรือไม่

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ต้องทำในมาตรฐานเดียวกันไม่ใช่มองแค่ชื่อหรือตัวบุคคล เพราะกฎหมายต้องใช้เหมือนกัน ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับใครใดคนหนึ่ง ที่สำคัญ ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ว่า ต้องถอดยศเพราะอะไร และไม่สามารถถอดยศได้เพราะอะไร เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ หรือไม่มีกรณีศึกษา เนื่องจากที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เคยเสนอให้พิจารณาถอดยศตำรวจ แต่เป็นเหตุหรือกรณีใดบ้าง ต้องมาประชุมหารือในข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์ ดังนั้น ตนจึงต้องขอเวลาศึกษาในข้อกฎหมาย และในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค. นี้ จะเรียกประชุมทีมงานฝ่ายกฎหมาย จากนั้นจะทำหนังสือไปยัง ตร. คาดว่า อย่างช้าจะสามารถเรียกประชุมได้ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคม และจะพยายามให้ได้คำตอบภายในเดือนสิงหาคมนี้ ว่า ถอดยศได้หรือไม่ได้ พร้อมเหตุผลประกอบให้ประชาชนรับทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ทำไมต้องหนักใจ โดยในการพิจารณาถ้าหากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ก็ไม่ต้องเห็นจะมีอะไรต้องหนักใจ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นคนละส่วนกัน เพราะมันเป็นเหตุผลประกอบในการพิจารณามากกว่า ถ้าในข้อกฎหมายระบุเรื่องคุณงามความดีถึงเหตุผลที่ไม่ต้องถอดยศ องค์ประกอบเหล่านี้ก็ถูกบรรจุอยู่ในการพิจารณา แต่ถ้าข้อกฎหมายไม่ได้ให้ระบุ ก็ไม่ต้องพิจารณา

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วถ้าหากข้อกฎหมายระบุว่าถอดได้ ทางกระทรวงยุติธรรม ก็ต้องส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้เสนอไปยังรัฐบาลตามขั้นตอน กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว