รองโฆษกรัฐบาล เผย ภาษีมรดกมีผลบังคับใช้ ม.ค. 59 ชี้ เป็นกฎหมายประวัติศาสตร์ ที่นานาอารยประเทศมี เผยเรียกเก็บภาษีมรดก 100 ล้านขึ้นไป ร้อยละ 5 พร้อมเรียกเก็บภาษีกรณีให้โดยเสน่หาด้วย หวังสร้างแรงจูงใจให้เศรษฐีเพิ่มบริจาคเพื่อสาธารณะ ลดการสะสมทรัพย์กระตุ้นลูกหลานแสดงฝีมือสร้างฐานะด้วยตนเองเชื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทางอ้อม
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ. 2558 ว่าด้วยภาษีการรับให้ ในกรณีที่โอนทรัพย์สมบัติก่อนผู้ให้เสียชีวิต ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2558 โดย พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือในเดือนมกราคม 2559
“กฎหมายเรียกเก็บภาษีจากการรับมรดกและการยกให้โดยเสน่หา ถือเป็นกฎหมายประวัติศาสตร์ที่นานาอารยประเทศ มีใช้กัน สำหรับประเทศไทยมีความพยายามผลักดันมายาวนาน แต่ไม่สามารถเป็นผลได้จริง เพิ่งจะมาสำเร็จในรัฐบาลนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีเจตนาที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีการออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยส่วนรวมให้ได้มากที่สุดในช่วงที่ท่านยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกฎหมายเก็บภาษีมรดกถือเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญมากฉบับหนึ่ง เพราะจะเป็นการจูงใจให้กลุ่มผู้มีฐานะดีบริจาคเงินเพื่อองค์กรการกุศลและสาธารณประโยชน์มากขึ้น ลดการสะสมทรัพย์เพื่อเป็นมรดก ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเปิดโอกาสและสนับสนุนให้รุ่นลูกหลานได้แสดงความสามารถในการทำงาน สร้างฐานะของตนเองมากกว่ารอรับมรดกเพียงด้านเดียว ขณะเดียวกัน เชื่อว่า การเรียกเก็บภาษีมรดกจะช่วยลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของฐานะทางเศรษฐกิจในสังคมได้ รวมทั้งจะทำให้รัฐจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นเป็นงบประมาณเพื่อพัฒนาประเทศ”
ทั้งนี้ ภาษีการรับมรดกกำหนดให้ผู้รับมรดกต้องจ่ายภาษีในส่วนที่เกินกว่า 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% แต่ถ้าเป็นการรับมรดกจากบุพการี หรือผู้สืบสันดาน จะเสียในอัตรา 5%
นอกจากนี้ ยังประกาศใช้ พ.ร.บ. ภาษีการรับให้ควบคู่กัน เพื่ออุดช่องว่าง กรณีการให้โดยเสน่หา ที่ปัจจุบันไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้น หากมีการโอนทรัพย์สมบัติให้ก่อนผู้ให้จะเสียชีวิตจะเข้าข่ายเป็นภาษีการรับให้ ซึ่งต้องจ่ายภาษีในส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาทในอัตรา 5% แต่หากเป็นกรณีบุพการีให้ผู้สืบสันดานกำหนดให้จ่ายภาษีส่วนที่เกิน 20 ล้าน ในอัตรา 5%
“ทั้งนี้ ผู้รับมรดกจะต้องยื่นสำแดงภาษีภายใน 150 วัน หลังจากที่รับมรดก ส่วนทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมี 5 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 1. บ้าน และที่ดิน 2. เงินฝากธนาคาร 3. หุ้นและหุ้นกู้ 4. รถยนต์ และ 5. ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา ซึ่งข้อนี้เป็นการเปิดโอกาสจัดเก็บภาษีจากทรัพย์อื่น ๆ เพราะยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีทรัพย์สินหรือธุรกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง”
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในการเสียภาษีนั้นจะประเมินทรัพย์ทุกประเภท และมูลค่าที่ได้รับรวมกัน แม้จะรับไม่พร้อมกัน ก็ต้องถูกนำมาประเมินรวมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หุ้น เงินฝากธนาคาร สลากออมสิน รถยนต์ ตราสารการเงินอื่น ๆ โดยในการประเมินราคาที่ดินจะอ้างอิงราคาจากกรมที่ดิน หากเป็นหุ้นคิดในราคาตลาด ณ วันที่ ได้รับหุ้นมา เพื่อเป็นการลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และเพื่อให้เกืดความชัดเจนในการปฏิบัติมากที่สุด