xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมอุ๋ย” เขียน จม.ถึงปราชญ์เชียงของ ลั่นไม่เห็นด้วยเขต ศก.พิเศษ อ้างรัฐจำต้องทำตามนโยบาย คสช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รองนายกรัฐมนตรี เขียนจดหมายด้วยลายมือตนเอง ถึงประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ หลังถูกจวกกรณีทำอำเภอเป็นเศรษฐกิจพิเศษ บอกชอบมาก มีความเห็นสอดคล้องธรรมชาติ ยันไม่เคยเห็นด้วยนโยบายนี้ แต่รัฐบาลจำต้องเดินต่อ เพราะเป็นนโยบาย คสช. บอกคนไม่ไปลงทุน เพราะฝืนธรรมชาติ ยิ่งเชียงของไม่ควรทำ ระบุ สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี เมืองการค้าได้ เป็นธุรกิจสะอาด ไม่ควรดึงอุตสาหกรรมสร้างความสกปรกต่อสิ่งแวดล้อม บอกเคยพูดให้นักธุรกิจเชียงรายฟังบ่อย อ้างหนุนคำวิถีชีวิต ด้าน “ครูตี๋” แนะผู้นำฟังเสียงชาวบ้านความขัดแย้งจะลด

วันนี้ (6 ส.ค.) เว็บไซต์เฟซบุ๊ก Paskorn Jumlongrach ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพจดหมายฉบับหนึ่ง โดยระบุว่า จดหมายรักจากหม่อมอุ๋ย
ถึง “ครูตี๋” แห่งน้ำโขง เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ครูใหญ่โฮงเฮียนน้ำโขง อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้รับจดหมายจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นจดหมายชื่นชมหลังจากที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร อ่านคำสัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ ในหัวเรื่อง “เศรษฐศาสตร์ครูดอย “นิวัฒน์ ร้อยแก้ว” แนะโตจากฐานราก” ของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งนายนิวัฒน์ ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าวลงลายมือชื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ลงวันที่ 2 ส.ค. โดยระบุว่า “เรียนคุณครูนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ที่นับถือ ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่นักข่าวโพสต์ทูเดย์สัมภาษณ์คุณครูแล้ว ชอบมากเลยครับ มีความเห็นที่สอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด เศรษฐศาสตร์ที่ดี คือ เศรษฐศาสตร์ที่เป็นไปตามธรรมชาติของสถานที่แห่งนั้น ๆ ไม่ฝืนธรรมชาติ ผมอยากเรียนให้ครูทราบว่า ผมไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเลยครับ แต่เป็นนโยบายที่ คสช. ประกาศตั้งแต่ยังไม่ตั้งรัฐบาล พอตั้งรัฐบาลก็เลยจำต้องเดินต่อ แต่จะเห็นว่านักลงทุนไม่นิยมไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเลย เพราะฝืนธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชียงของ ไม่ควรทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเลย เพราะเชียงของสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี และเป็นเมืองการค้าที่ดีซึ่งเป็นธุรกิจสะอาด ไม่ควรดึงอุตสาหกรรมที่จะนำความสกปรกต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามา ความเห็นของผมในเรื่องนี้ พวกนักธุรกิจในจังหวัดเชียงรายรู้ดีว่าผมคิดเช่นนี้ เพราะเคยพูดให้เขาฟังหลายครั้งในเชียงราย”

“อีกประเด็นหนึ่งซึ่งผมขอชี้แจง ที่คุณครูพูดว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับที่ท่านรองนายกฯ ปรีดิยาธร เทวกุล ที่บอกว่าท่องเที่ยวหมดมุกแล้ว เพราะ Sun sand sea เป็นตัวดึงดูดอย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว แต่จะต้องใช้อย่างอื่นเช่นเรื่องราวในอดีตของสถานที่นั้น ๆ เป็นตัวดึงดูดด้วย เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานที่ที่เขากำลังมาเยี่ยมอยู่นั้น” แต่ที่ครูยกประเด็นของดีตามธรรมชาติของเมืองนั้น ของสถานที่นั้น เป็นการเปิดประเด็นที่กว้างขวางและมีประโยชน์มาก” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังเขียนอีกว่า “คำที่ผมชอบมากในบทความของครูคือคำว่า “วิถีชีวิต” การพัฒนาใด ๆจะต้องไม่กระทบวิถีชีวิตที่ดี และวัฒนธรรมที่ดีของท้องถิ่นนั้น ซึ่งผมก็เชื่อในความคิดนั้นเช่นกัน เพราะเป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ วันนี้ผมขอจบเพียงนี้ก่อนนะครับ ผมขอโอกาสชี้แจงสิ่งที่ผมคิดและผมพูดจริง ๆ เท่านั้น ผมดีใจที่ยังมีคนที่คิดแบบครูอยู่ ขอครูช่วยเผยแพร่ความคิดที่ดีของครูต่อไปด้วยครับ”

ขณะที่เว็บไซต์ “transbordernews คนชายข่าว คนชายขอบ” ได้สัมภาษณ์นายนิวัฒน์ ภายหลังได้อ่านจดหมายดังกล่าว โดยนายนิวัฒน์ ระบุว่า รู้สึกดีใจที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เข้าใจและสนับสนุนวิถีชีวิตของชุมชนและธรรมชาติ รวมถึงเศรษฐศาสตร์ท้องถิ่น เพราะเมืองเชียงของควรเป็นเมืองที่สะอาดเพราะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ บ้านเมืองเราต้องกล้าเปิดอกคุยกันอย่างนี้ ตนอยากให้ผู้นำประเทศได้เข้าใจชาวบ้านเหมือนที่รองนายกฯ เข้าใจและเขียนไว้ในจดหมาย หากมีการฟังเสียงชาวบ้านบ้าง ความวุ่นวายในหลาย ๆ เรื่องจะลดลงไปเยอะ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายนิวัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการระบุให้ อ.เชียงของ เป็น 1 ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนหนึ่งว่า การพัฒนาบ้านเรา แม้จะมีการเปลี่ยนกลไกขับเคลื่อนมาหลายครั้ง แต่แนวคิดก็ยังเหมือนเดิมอยู่ เช่น การรัฐประหารที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา และทุก ๆ ครั้ง เราก็จะเห็นว่ารัฐบาลทหารไม่เคยนำพาประเทศไปในทิศทางที่คิดไว้ได้เลย มันกลับสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก ปัญหาก็คือชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม ชาวบ้านไม่สามารถนำเสนอในสิ่งที่ตัวเองเดือดร้อนได้ หรือแม้แต่ในยุครัฐบาลเลือกตั้งชุดที่ผ่านมา ก็ยังมีปัญหาเหล่านี้อยู่เหมือนกัน นั่นเพราะเรามุ่งเน้นแต่ภาพใหญ่ มองภาพใหญ่มากจนเกินไป ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัด คือ เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยการมองแต่ภาพใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่เคยมองว่าการท่องเที่ยวต้องเริ่มจากชุมชน ทั้ง ๆ ที่วิถีและวัฒนธรรมมีจุดกำเนิดมาจากชุมชน พื้นฐานทุกอย่างก็เริ่มต้นที่ชุมชน

“ผมไม่เห็นด้วยกับที่ท่านรองนายกฯ ปรีดิยาธร เทวกุล ที่บอกว่า การท่องเที่ยวหมดมุกแล้ว เพราะ sun sand sea อะไรพวกนี้มันหมดมุขในเรื่องใหญ่ พอคุณทำแต่เรื่องใหญ่มันก็ไปไม่ได้ เราต้องกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในเชิงจุลภาค ซึ่งหากทำได้ก็จะไม่มีวันหมดมุก ไม่มีทางหมดกึ๋น เที่ยวทั้งชีวิตก็ยังไม่หมด”

ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ระบุอีกว่า ยกตัวอย่าง เราจะต่อยอดการท่องเที่ยวกับแม่น้ำได้อย่างไร เราจะทำอะไรกับข้าวเหนียวเขี้ยวงู หรือผลไม้ที่เชียงของปลูกได้ ไม่ว่าจะเป็น ส้ม ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง สับปะรด ทั้งหมดนี้เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือแม้แต่ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ที่ อ.เชียงของ มีถึง 9 กลุ่มชาติพันธุ์ ยังไม่นับประเพณี วัฒนธรรม หรือพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งบูรณาการเข้ากับการท่องเที่ยวได้ทั้งสิ้น ตนคิดว่า สิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พูดมาอาจจะมีนัยก็ได้ ตนคิดไปถึงปากบารา จ.สตูล หรือคิดถึงการท้าทายชาวบ้าน จ.กระบี่ ว่า คุณจะเลือกอะไร ระหว่างวิถีชีวิต - การท่องเที่ยว หรือคุณจะเอาอุตสาหกรรม นี่มันเป็นนัยที่สามารถเปรียบเทียบได้เลย คือ เขาอาจต้องการบอกว่าท่องเที่ยวมันหมดมุกแล้ว ก็สร้างเป็นอุตสาหกรรมสิ บางครั้งคำพูดมันก็มีนัยที่บ่งบอกถึงวิธีคิดของผู้นำเรานะว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และถึงแม้บ้านเมืองจะเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าเพราะการพัฒนาที่ไม่ฟังคนเล็กคนน้อย แต่ทิศทางนี้ก็ยังดำเนินอยู่

จดหมายรักจากหม่อมอุ๋ยถึง "ครูตี๋"แห่งน้ำโขง-------เมื่อวานนี้(5 สค.)"ครูตี๋"นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ครูใหญ่โฮงเฮียนน้ำโขง ได...

Posted by Paskorn Jumlongrach on Wednesday, August 5, 2015



กำลังโหลดความคิดเห็น