MGR Online - รองหัวหน้าฝ่ายจัดหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ดัง ร้องกองปราบฯ ทวงคืบคดีลูกครึ่งไทย-อังกฤษพลัดตกตึกดับปริศนา รับคาใจในหลายประเด็น ไม่มีความคืบหน้าสาเหตุการเสียชีวิต หลังผ่านมาร่วม 11 เดือน
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. นายเควิน โจนส์ อายุ 44 ปี ชาวอังกฤษ รองหัวหน้าฝ่ายจัดหน้าข่าว หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ (Deputy Chief Sub-Editor) นางเมทินี โจนส์ อายุ 56 ปี สองสามีภรรยา พร้อมด้วยนางจุฑาทิตย์ ไนเจิล บราวลี ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของ ด.ญ.อริสา มาเรีย โจนส์ อายุ 14 ปี บุตรสาวที่เสียชีวิตจากการพลัดตกจากชั้น 40 คอนโดมิเนียม เดอะเมท เลขที่ 123 ถ.สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2558 แต่จนถึงขณะนี้คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า
นางเมทินีกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ ด.ญ.อริสาเดินทางกลับจากประเทศเดนมาร์กมาเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทยในช่วงปิดภาคเรียน โดยก่อนเกิดเหตุบุตรสาวตนขอไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว กระทั่งช่วงเช้าของวันต่อมาทราบว่าลูกสาวของตนได้พลัดตกลงมาจากคอนโดฯ จนเสียชีวิต หลังทราบข่าวได้ไปที่เกิดเหตุพร้อมกับสอบถามทางฝ่ายของผู้ปกครองเพื่อนของบุตรสาวถึงสาเหตุการเสียชีวิต กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทั้งที่ในคืนเกิดเหตุมีคนอยู่ในห้องดังกล่าวหลายคน ทั้งผู้ปกครอง, พี่ชาย, เพื่อนบุตรสาว และแม่บ้านอีก 2 คน แต่ทั้งหมดกลับอ้างว่าขณะที่เกิดเหตุทุกคนในบ้านนอนหลับหมดมาทราบเรื่องอีกทีก็ตอน ด.ญ.อริสาได้เสียชีวิตแล้ว
นางเมทินีกล่าวต่อว่า จากผลการพิสูจน์ศพจากทาง รพ.นิติเวช ได้ระบุว่าพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นปริมาณมากถึง 231 มิลลิกรัม ทั้งยังพบร่องรอยบาดแผลถลอกที่บริเวณแขนทั้งสองข้างคล้ายกับถูกครูดอย่างแรง จึงทำให้ตนและสามียังคงติดใจเคลือบแคลงสงสัยประเด็นการเกิดเหตุดังกล่าว จึงได้สอบถามความคืบหน้าของคดีไปยัง ร.ต.ท.บุญลือ ทางตรง พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าของคดีกลับพบว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งเมื่อราวเดือนมกราคมที่ผ่านมาทราบว่าคดีถูกโอนไปยัง ร.ต.ท.นพดล จำปาแขก พนักงานสอบสวน สน.เดียวกัน แต่เวลาผ่านไปไม่มีความคืบหน้าและเรื่องที่เกิดก็ถูกโอนกลับไปที่ ร.ต.ท.บุญลืออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเชิญตัวครอบครัวของเพื่อนบุตรสาวตนที่อยู่ในเหตุการณ์มาทำการสอบปากคำทั้งที่เวลาผ่านล่วงเลยมานานกว่า 11 เดือนแล้ว ทำให้จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถทราบว่าลูกสาวตนเสียชีวิตจากสาเหตุใด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังได้ส่งผลถึงการรับเบี้ยชดเชยประกันอุบัติเหตุที่ตนได้ทำไว้ให้กับบุตร 3 บริษัทเป็นวงเงินรวมกว่าล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทประกัน 1 ใน 3 ได้ออกมาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินชดเชยเนื่องจากพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวบุตรสาวเกินกว่าที่กำหนด ส่วนอีก 2 บริษัทยังอยู่ระหว่างรอผลการสรุปสำนวนคดี
เบื้องต้น พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา พร้อมกับสั่งการต่อไปยังพ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สาวัตรสอบสวน กก.1 บก.ป.ให้ดำเนินการสอบปากคำสองสามีภรรยา และประสานติดต่อไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าของคดีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อไป