รองโฆษกรัฐบาล เผย สถานการณ์น้ำในเขื่อนมีแนวโน้มสดใสมาก ระบุ กระทรวงเกษตรฯเพิ่มการระบายน้ำให้ชาวสวนแล้ว แต่ยังขอความร่วมมือประหยัดน้ำต่อไป
วันนี้ (31 ก.ค.) พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักที่ใช้เพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค และการดูแลระบบนิเวศในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด ว่า สถานการณ์น้ำไหลลงเขื่อนมีแนวโน้มสดใสมาก โดยในวันที่ 30 ก.ค. เพียงวันเดียว มีปริมาณน้ำลงเขื่อน 51.28 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำที่น่าพอใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนตลอดทั้งสัปดาห์ 202.73 ล้าน ลบ.ม.
“และเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนในช่วงต้นเดือน ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ มีน้ำไหลลงเขื่อนประมาณ 100 ล้าน ลบ.ม. หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 7 - 8 ล้าน ลบ.ม. เท่านั้น จะเห็นได้ว่า สถานการณ์น้ำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมชลประทาน ได้ปรับปริมาณการระบายน้ำจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 18 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 19 ล้าน ลบ.ม.เศษ ต่อวัน ทำให้มีปริมาณน้ำเข้าไปดูแลพื้นที่การเพาะปลูกมากขึ้น ประกอบการหลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาวะการขาดน้ำลดลงอย่างมาก” พลตรี สรรเสริญ กล่าวว่า
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์น้ำในเขื่อนจะดีขึ้นมาก แต่รัฐบาลยังขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทุกครัวเรือน ให้ช่วยกันประหยัดน้ำต่อไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการประหยัดน้ำเป็นสิ่งที่ควรประพฤติปฏิบัติตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์น้ำในประเทศจะเป็นเช่นไร เพราะน้ำถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าต่อทุกคน และควรที่จะใช้อย่างรู้คุณค่า