อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา หนุน “ประยุทธ์” ไม่ใช้ ม.44 ลุย “ธัมมชโย” แนะนายกฯ ดำเนินงานตามรายงานของตน ตั้งทีมตีความให้ชัด เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายลงชื่อซื้อที่ผิดหรือไม่ พร้อมให้มหาเถรสมาคมรับรอง ถ้าไม่ทำ มส.ก็ควรเคลียร์เอง อ้างทีเรื่องภิกษุณียังออกประกาศห้ามได้ทั้งที่ไม่มีอำนาจ
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธใช้มาตรา 44 ดำเนินการต่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูรณ์ ธัมมชโย) หรือธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ไม่ใช้ ม.44 เพราะควรใช้วิธีตามปกติมากกว่า ส่วนตัวมองว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้โดย นายกรัฐมนตรี ดำเนินงานตามรายงานผลการศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งที่มีตัวแทนจากมหาเถรสมาคม (มส.) และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันตีความให้ชัดเจนเลยว่า กรณีการลงชื่อตนเองเป็นเจ้าของในการซื้อขายที่ดิน เมื่อปี 2549 ของธัมมชโย ผิดพระธรรมวินัยต้องปาราชิกตามที่พระสังฆราชเคยมีพระลิขิตแล้วหรือไม่ หากตีความว่ายังไม่ปาราชิก ก็ขอให้ มส.ลงมติรองรับด้วย
นายไพบูลย์กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการอะไร ทาง มส.ก็ควรตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาตีความประเด็นดังกล่าวเองให้ชัดเจน เนื่องจากตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 5 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ภิกษุนั้นอยู่ในความดูแลของคณะสงฆ์ ทีกรณีของภิกษุณีที่ไม่อยู่ในความดูแลของ มส.ยังสามารถออกประกาศห้ามภิกษุณีหลายประการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจได้ ทำไมกรณีนี้จึงไม่ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน เพื่อลดความครางแครงใจจากสังคมว่า ธัมมชโยได้รับความช่วยเหลือจากกรรมการ มส.รูปหนึ่งมาโดยตลอด จึงถือเป็นโอกาสดีที่ มส.จะได้พิสูจน์ตัวเองเพื่อแก้ข้อครหาด้วย