ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษา 4 นักการเมืองท้องถิ่น จงใจหลบเลี่ยงแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง หลังรับสารภาพ โทษจําคุกรอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ปรับเงิน ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
วันนี้ (20 ก.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองคดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นผู้ร้อง จำนวน 4 คดี ประกอบด้วย
คดีแรกพิพากษาให้ “นายศิลา ปัญจรี” พ้นจากตําแหน่ง รองนายกเทศมนตรีตําบลบ้านแยง อําเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด กรณีเข้ารับตําแหน่ง และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 9 กันยายน 2554 และให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจําคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผูคัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจําคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุก มาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี
คดีที่สองพิพากษาให้ “นายสุรชัย แดนดง” พ้นจากตําแหน่ง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตําบลทับยายเชียง อําเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด กรณีเข้ารับตําแหน่ง และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2556 และให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษจําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000บาท รวม 3 กระทง เป็นจําคุก 6 เดือน ปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี
คดีที่สามพิพากษาให้ “นายพงษ์ศักดิ์ ละเอียด” พ้นจากตําแหน่ง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะกลาง อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด กรณีเข้ารับตําแหน่ง และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแตวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 และให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจําคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจําคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุก มาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี
คดีที่สี่ พิพากษาให้ “นายรชต หรือประเสริฐ ลายแบน” พ้นจากตําแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลคลองขนาน อําเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด กรณีเข้ารับตําแหน่ง และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 และให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจําคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี