รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หนุนรัฐธรรมนูญใหม่ตัดสิทคนโกงตลอดชีวิต แนะเอาโทษติดคุกด้วย แต่ต้องไม่มีผลย้อนหลัง ชี้ประเด็นจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่ จ.กาญจนบุรี นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรนูญแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตแก่ผู้ที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งกรณีการทุจริตว่า เห็นด้วยเพราะคนที่ทุจริตคอร์รัปชัน และทุจริตการเลือกตั้ง ต้องไม่ให้เข้าสู่กระบวนการคัดสรรตัวแทนประชาชน ซึ่งความจริงน่าจะมีโทษติดคุกด้วย หากมองว่าเป็นโทษแรง ก็ต้องแรงเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว แต่โดยหลักกฎหมายจะมีผลไม่ย้อนหลังต่อผู้กระทำผิดในช่วงที่ผ่านมา หรือผู้ได้รับโทษไปแล้ว แต่จะใช้ในอนาคตต่อคนที่กระทำความผิด การบัญญัติเช่นนี้ทำให้คนที่จะมาเป็นตัวแทนประชาชนจะไม่ทำผิด เพราะถ้าทำผิดจะถูกแบนตลอดชีวิต โดยเฉพาะคนที่ถูกชี้มูลความผิดแล้วถูกวุฒิสภาลงมติถอดดถอนนั้น ต้องลงโทษหนัก เพราะสภาสูงได้พิจารณาอย่างรอบคอบ อีกทั้งการใช้เสียงถอดถอนไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อถามว่า คนที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และร่ำรวยผิดปกติ ก็จะถูกห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิตเช่นกัน นายพีระศักดิ์ ตอบว่า ต้องแยกให้ออกระหว่างการร่ำรวยผิดปกติ กับการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน โดยกรณีร่ำรวยผิดปกติเป็นการได้มาโดยไม่ชอบ แจ้งที่มาทรัพย์สินไม่ได้ ส่วนการปกปิดมี 2 ประเด็นคือ เจตนา กับไม่เจตนา ต้องแยกให้ออก เพราะบางครั้งมีทรัพย์สินมาก่อน แต่เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองกลับลืมแจ้งก็ไม่มีความผิดร้ายแรง เช่น มีที่ 1 แปลง เมื่อเล่นการเมืองก็ยังมีที่อยู่ 1 แปลง เมื่อเลิกเล่น ที่ดินดังกล่าวก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ยักย้ายถ่ายโอนเพื่อให้ที่ดินนั้นมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งต้องแยกให้ออก