ความเคลื่อนไหวของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เงียบหายไปพักใหญ่แล้ว เพิ่งตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งอายัดทรัพย์จำนวน 40 ล้านบาท ในฐานะร่ำรวยผิดปกติ
ข่าวชิ้นนี้คงสร้างความยินดีกับผู้คนจำนวนไม่น้อย และเป็นผู้คนที่มีอารมณ์ความรู้สึกเดียวกันว่า นายธาริตสมควรจะต้องพบจุดจบที่สาสมกับพฤติกรรม
เพราะนายธาริตถือเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งถูกสังคมรุมตราหน้าว่า เป็นลูกกระจ๊อกอันดับต้นๆ ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และเป็นข้าราชการคนแรกๆ ที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งปลดจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ไม่จำเป็นต้องย้อนถึงพฤติกรรมของนายธาริต ไม่ต้องพูดถึงบทบาทเมื่อครั้งนั่งในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ และไม่ต้องอธิบายถึงการปฏิบัติหน้าที่ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เพราะความจงรักภักดีที่แสดงออกกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน จนไม่มีสิทธิจะแก้ตัวหรือแก้ต่าง ไม่มีสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมจากใคร ในเมื่อทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ ก้มหัวรับใช้พรรคเพื่อไทยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ผลกรรมที่ก่อไว้กลับมาเล่นงานนายธาริตแล้ว โดยมีคดีที่ถูกฟ้องร้องกว่า 30 คดี แม้ศาลจะยกฟ้องแล้ว 19 คดี แต่อีกกว่า 10 คดีไม่ได้หมายความว่าจะรอด
เงินทองและทรัพย์สินที่มีอยู่ จนถือเป็นข้าราชการที่มีฐานะร่ำรวย ยังไม่รู้ว่ามาจากไหน และจะอธิบายที่มาที่ไปให้ ป.ป.ช.ได้หรือไม่
ส่วนกระแสสังคมก็ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของนายธาริตแต่อย่างใด นอกจากสะใจ และรอดูว่า นายธาริตจะถูกคดีอะไรอีกหรือไม่ สุดท้ายจะต้องติดคุกไหม
คำแก้ต่าง โดยระบุว่า เคยรายงานทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.แล้วเมื่อตอนรับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท) โดยมีทรัพย์สินรวมของภรรยาจำนวน 37.3 ล้านบาท ผ่านไป 5 ปีมีทรัพย์สินเป็น 40 ล้านบาท ผิดปกติตรงไหน
ถ้าดูจากตัวเลขทรัพย์สิน 37.3 ล้านบาท ผ่านไป 5 ปีเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ล้านบาท ไม่น่าจะผิดปกติเท่าไหร่ แต่ทั้งนายธาริตและภรรยาเป็นข้าราชการ เงินเดือนจะขนาดไหน เพียง 5 ปีจะเก็บหอมรอมริบได้ถึง 3 ล้านบาทเชียวหรือ
ข้าราชการที่ดีและซื่อสัตย์สุจริต หลายคนทำงานทั้งชีวิตยังสะสมเงินไม่ได้ถึง 3 ล้านบาทเลย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายธาริตจะแก้ต่างอย่างไร จะพูดอย่างไร ก็คงลบล้างข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติไม่ได้ จนกว่าจะชี้แจงที่มาของทรัพย์สินให้กระจ่าง และรองเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็ออกมาตอกหน้าถึงคำแก้ตัวเรื่องทรัพย์สินจำนวนกว่า 40 ล้านบาทแล้ว
“รู้ได้อย่างไรว่านายธาริตพูดจริง”
ถ้าจะอ้างว่า การยัดข้อหาร่ำรวยผิดปกติ เป็นความพยายามทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือ ก็จะมีคำถามอีกว่า คนอย่างนายธาริตยังมีเครดิตอะไรเหลืออีก และจะมีใครจ้องไปทำลาย เพราะเมื่อนายธาริตทำลายตัวเองจนพินาศไปแล้ว เมื่อถวายหัวรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
ถึงเวลานี้ นายธาริตคงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากทำใจ ก้มหน้ายอมรับวิบากกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อไว้ และพยายามมองบวกๆ ไว้
อย่างน้อยก็ได้สร้างตัวอย่างที่ดีของข้าราชการที่ไม่ดี จนสุดท้ายต้องพบจุดจบที่ชาวประชาสมน้ำหน้า ซึ่งข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
ข้าราชการที่ทำตัวดุจขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้าราชการที่ทุจริตและร่ำรวยผิดปกติ ข้าราชการเลวๆ ยังมีเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยอีกนับร้อยรายชื่อที่รอคิวเชือดจาก ป.ป.ช.อยู่
“ธาริต เพ็งดิษฐ์” อย่าน้อยใจในโชควาสนาที่ถูกเด็ดหัวเป็นรายแรกเลย เพราะยังมีข้าราชการเลวๆ อีกมากมายที่จะถูกลากไส้ตามมา และหวังว่าจะไม่นานเกินรอ
ข่าวชิ้นนี้คงสร้างความยินดีกับผู้คนจำนวนไม่น้อย และเป็นผู้คนที่มีอารมณ์ความรู้สึกเดียวกันว่า นายธาริตสมควรจะต้องพบจุดจบที่สาสมกับพฤติกรรม
เพราะนายธาริตถือเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งถูกสังคมรุมตราหน้าว่า เป็นลูกกระจ๊อกอันดับต้นๆ ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และเป็นข้าราชการคนแรกๆ ที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งปลดจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ไม่จำเป็นต้องย้อนถึงพฤติกรรมของนายธาริต ไม่ต้องพูดถึงบทบาทเมื่อครั้งนั่งในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ และไม่ต้องอธิบายถึงการปฏิบัติหน้าที่ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เพราะความจงรักภักดีที่แสดงออกกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน จนไม่มีสิทธิจะแก้ตัวหรือแก้ต่าง ไม่มีสิทธิเรียกร้องความเป็นธรรมจากใคร ในเมื่อทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ ก้มหัวรับใช้พรรคเพื่อไทยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ผลกรรมที่ก่อไว้กลับมาเล่นงานนายธาริตแล้ว โดยมีคดีที่ถูกฟ้องร้องกว่า 30 คดี แม้ศาลจะยกฟ้องแล้ว 19 คดี แต่อีกกว่า 10 คดีไม่ได้หมายความว่าจะรอด
เงินทองและทรัพย์สินที่มีอยู่ จนถือเป็นข้าราชการที่มีฐานะร่ำรวย ยังไม่รู้ว่ามาจากไหน และจะอธิบายที่มาที่ไปให้ ป.ป.ช.ได้หรือไม่
ส่วนกระแสสังคมก็ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของนายธาริตแต่อย่างใด นอกจากสะใจ และรอดูว่า นายธาริตจะถูกคดีอะไรอีกหรือไม่ สุดท้ายจะต้องติดคุกไหม
คำแก้ต่าง โดยระบุว่า เคยรายงานทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.แล้วเมื่อตอนรับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท) โดยมีทรัพย์สินรวมของภรรยาจำนวน 37.3 ล้านบาท ผ่านไป 5 ปีมีทรัพย์สินเป็น 40 ล้านบาท ผิดปกติตรงไหน
ถ้าดูจากตัวเลขทรัพย์สิน 37.3 ล้านบาท ผ่านไป 5 ปีเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ล้านบาท ไม่น่าจะผิดปกติเท่าไหร่ แต่ทั้งนายธาริตและภรรยาเป็นข้าราชการ เงินเดือนจะขนาดไหน เพียง 5 ปีจะเก็บหอมรอมริบได้ถึง 3 ล้านบาทเชียวหรือ
ข้าราชการที่ดีและซื่อสัตย์สุจริต หลายคนทำงานทั้งชีวิตยังสะสมเงินไม่ได้ถึง 3 ล้านบาทเลย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายธาริตจะแก้ต่างอย่างไร จะพูดอย่างไร ก็คงลบล้างข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติไม่ได้ จนกว่าจะชี้แจงที่มาของทรัพย์สินให้กระจ่าง และรองเลขาธิการ ป.ป.ช.ก็ออกมาตอกหน้าถึงคำแก้ตัวเรื่องทรัพย์สินจำนวนกว่า 40 ล้านบาทแล้ว
“รู้ได้อย่างไรว่านายธาริตพูดจริง”
ถ้าจะอ้างว่า การยัดข้อหาร่ำรวยผิดปกติ เป็นความพยายามทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือ ก็จะมีคำถามอีกว่า คนอย่างนายธาริตยังมีเครดิตอะไรเหลืออีก และจะมีใครจ้องไปทำลาย เพราะเมื่อนายธาริตทำลายตัวเองจนพินาศไปแล้ว เมื่อถวายหัวรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
ถึงเวลานี้ นายธาริตคงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากทำใจ ก้มหน้ายอมรับวิบากกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อไว้ และพยายามมองบวกๆ ไว้
อย่างน้อยก็ได้สร้างตัวอย่างที่ดีของข้าราชการที่ไม่ดี จนสุดท้ายต้องพบจุดจบที่ชาวประชาสมน้ำหน้า ซึ่งข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
ข้าราชการที่ทำตัวดุจขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้าราชการที่ทุจริตและร่ำรวยผิดปกติ ข้าราชการเลวๆ ยังมีเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยอีกนับร้อยรายชื่อที่รอคิวเชือดจาก ป.ป.ช.อยู่
“ธาริต เพ็งดิษฐ์” อย่าน้อยใจในโชควาสนาที่ถูกเด็ดหัวเป็นรายแรกเลย เพราะยังมีข้าราชการเลวๆ อีกมากมายที่จะถูกลากไส้ตามมา และหวังว่าจะไม่นานเกินรอ
