อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยถูก คสช.สั่งงดเดินทางออกนอกประเทศ 90 วัน หรือหลัง 18 ก.ย. ซัดสมเพชวิธีคิด สับยึดอำนาจทำชาติเสียหาย แก้เศรษฐกิจเหลว ไม่มีการลงทุนใหม่ เบิกจ่ายงบได้ไม่ถึงครึ่ง ใช้อำนาจปืนให้งดแสดงความเห็น ละเมิดสิทธิการเดินทาง ถามมีใครเคยสั่งสอนอบรมสิทธิมนุษยชนบ้างมั้ย ลั่นไม่ก้มหัวให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน
วันนี้ (17 ก.ค.) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่ข้อเขียนเรื่อง “หนึ่งปีที่เกินกว่า เสียของ” โดยเนื้อหาระบุว่าได้ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งงดการเดินทางออกนอกประเทศตามที่ได้ขออนุญาตไป โดยให้ชะลอการขออนุญาตไปอย่างน้อย 90 วัน หรือภายหลังวันที่ 18 ก.ย.นี้จะมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่านายวัฒนามักมีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์ คสช.ผ่านสื่อ
“ผมรับฟังด้วยความสมเพชในวิธีคิดและวิธีทำงานของ คสช เลยไม่แปลกใจว่าเพราะเหตุใดหนึ่งปีกว่าที่คนพวกนี้ได้ยึดอำนาจไปจากประชาชนถึงได้บริหารประเทศจนเกิดความเสียหายได้อย่างมากมายขนาดนี้ ลองมาดูความเสียหายจากที่คนพวกนี้ทำกัน” นายวัฒนาระบุ
นายวัฒนายังได้ระบุถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศของ คสช.ด้วยว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลวทุกด้าน ทั้งที่เป็นรัฐบาลเผด็จการที่ไม่มีฝ่ายค้าน แต่กลับไม่มีการลงทุนใหม่ และเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐได้ไม่ถึงครึ่ง เรื่องความสงบภายในและการสร้างความปรองดอง ก็เกิดจากการใช้อำนาจปืนบังคับไม่ให้คนพูดหรือแสดงความเห็น ซึ่งไม่ยั่งยืนและไม่สงบจริง นอกจากนี้ยังมีการละเมิดสิทธิในการเดินทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย
“สิทธิในการเดินทางเป็นสิทธิที่ติดตัวทุกคนมาแต่เกิด เค้าเรียกว่าสิทธิมนุษยชนเคยมีใครอบรมสั่งสอนบ้างมั้ย” นายวัฒนาระบุ
นายวัฒนายังยืนยันด้วยว่าจะยังคงแสดงความคิดเห็นต่อไป เพราะจะไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน แม้จะถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศก็ตาม พร้อมระบุว่าขณะนี้มีความรู้สึกเหมือน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ได้เขียนไว้ในคอลัมน์ซอยสวนพลู ของหนังสือพิมพ์สยามรัฐเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2526 ด้วย
สำหรับคอลัมน์ซอยสวนพลูของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ 15 มี.ค. 2526 นั้น ซึ่งเป็นที่มาของวาทะแห่งยุคที่ว่า “กูไม่กลัวมึง จะบอกให้ตรงๆ” ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ต้องการสื่อสารไปถึงนายทหารกลุ่มหนึ่งในยุคนั้น
