รัฐยอมช่วยผ่อนคลายเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. จัดชุดเคลื่อนที่ให้บริการเบ็ดเสร็จในพื้นที่ 22 จังหวัดชายฝั่ง เรือที่ยังไม่มีใบอนุญาตครบถ้วน เร่งอำนวยความสะดวกตรวจสอบ 12 ขั้นตอนเอกสารเรือประมง
วันนี้ (8 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผ่อนปรนเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำการประมงได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเรือประมงเหล่านั้นยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ว่า รัฐบาลได้จัดชุดเคลื่อนที่ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จไปในพื้นที่ 22 จังหวัดชายฝั่ง เพื่อให้บริการ ณ จุดที่เรือขึ้นท่า อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของเรือไต๋เรือ และลูกเรือได้มาแสดงหลักฐานเอกสาร เพื่อให้สามารถออกทำการประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“นายกฯ ต้องการให้ทุกอย่างมีความชัดเจน และเอื้อต่อชาวประมงที่ประกอบอาชีพสุจริตมากที่สุด โดยชุดเคลื่อนที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 6 - 15 กรกฎาคมนี้ โดยแบ่งชุดปฏิบัติการออกเป็นหลายชุด ลงพื้นที่ครอบคลุมท่าเทียบเรือหลักทุกจังหวัด เพื่อให้บริการ หลายเรื่อง อาทิ จดทะเบียนเรือ ต่อใบอนุญาตการใช้เรือ ออกใบประกาศนียบัตรนายท้ายเรือผู้ควบคุมเรือ การเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาตใช้เรือ เป็นต้น”
ทั้งนี้ จะเป็นภารกิจที่บูรณาการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กสทช. รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่น ท้องที่ เชื่อว่า การอำนวยความสะดวกเช่นนี้จะช่วยให้เรือประมงจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้ออกเรือแต่มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนมาแสดง สามารถกลับไปออกเรือได้ตามปกติ ส่วนเรือที่ไม่มีเอกสาร หรือไม่สามารถดำเนินการได้ถูกต้อง ก็ต้องหยุดออกเรือ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และเพื่อยกระดับการทำประมงของไทยและรักษาอุตสาหกรรมประมงในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ความถูกต้องของเอกสารและอุปกรณ์ประจำเรือ จำนวน 12 รายการ ดังนี้ 1. ทะเบียนเรือไทย 2. ใบอนุญาตใช้เรือ 3. ใบอาชญาบัตร หรือ ใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง 4. สมุดบันทึกการทำประมง หรือ LOG BOOK 5. บัตรประชาชนไต๋เรือ 6. บัตรประชาชนนายท้ายเรือ 7. บัตรประชาชนช่างเครื่อง 8. ทะเบียนลูกจ้าง 9. บัตรสีชมพู 10. สัญญาจ้าง 11. ใบประกาศนายท้ายเรือ 12. ใบประกาศช่างเครื่อง “ซึ่งขณะนี้เรือประมงพื้นบ้านยังคงออกเรือได้ตามปกติ และมีรายงานว่า หลายพื้นที่สามารถจับปลาได้เพิ่มขึ้น”