“บิ๊กตู่” แจง ทร. ซื้อเรือดำน้ำ คิดมาหลายรัฐบาล ย้ำต้องรอดูขั้นตอน รับเป็น “แผนพัฒนากองทัพ ระยะ 10 ปี” ยันต้องดูความจำเป็น ทั้ง “ปกป้องพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเล” ไม่ได้ไปรบกับใคร แต่ “มีเพื่อให้เกรงใจ” เหตุซื้อไม่เกี่ยวกระชับสัมพันธ์จีน ด้าน ผบ.ทร. เผย “อ่าวไทยไม่ได้ตื้น” ถึงขนาดใช้เรือดำน้ำไม่ได้ ระบุศึกษารายละเอียดมาแล้ว “อ่าวไทย” เหมือนกับประเทศสวีเดน ขอให้เป็นหน้าที่ใครหน้าที่มัน อย่าก้าวก่าย ขอ “เชื่อใจทหารเรือ” เหตุจ่ายภาษีเหมือนกัน
วันนี้ (7 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือในขณะนี้ ว่า เรื่องนี้เป็นแผนงาน การพัฒนาของกองทัพ อย่าไปคิดว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น ต้องดูแผนพัฒนาของกองทัพที่ มองล่วงหน้าไป 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้เกิดมานานแล้วไม่ใช่พึ่งมาเกิดในรัฐบาลนี้ ขอถามว่า รัฐบาลอื่นจะทำหรือไม่ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกัน อันนี้เป็นเรื่องขั้นตอนเป็นการกำหนดความต้องการของกองทัพ ว่า ถ้าจะมี จะมีอย่างไร และมีที่ไหน มันเป็นเรื่องภายในของเขา ยังไม่ได้ซื้อสักลำเลย
“จะอะไรกันนักหนา จะโยงกันไป เรื่องประมงบ้าง เรื่องรถไฟบ้าง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องทำอะไรเลยอยู่เฉย ๆ ดีกว่า เอาเงินมาจัดการแล้วโกงกันเอามั้ย เปิดฟรีกันไปเลย แบ่งเค้กกันไป ใครอยากจะเอาอะไรมาติดต่อกับผมนี่ตั้งโต๊ะกันไปเลยเอาไหม แล้วก็เป็นอย่างนี้อยู่กันไปอย่างนี้แล้วกันหากินกันไปเรื่อย เขาอยู่ในกระบวนการของเขาชอบพูดให้ฟัง ก็เป็นเรื่องภายในของเขา เดี๋ยวกองทัพอื่นเขาพูด แผนพัฒนา 10 ปี 20 ปี มีหมด”
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ปฏิรูปกองทัพก็มี ปฏิรูปตำรวจก็มี การปฏิรูปข้าราชการก็มีหมด แต่กลับเป็นระยะ ๆ ของเขา ผมถามว่าการเมือง มีมั้ยเคยทำมั้ยล่ะ ปฏิรูปการเมืองตัวเองเคยไหม ไม่เคยทำหรอก มีแต่อยากจะได้อำนาจ แล้วก็ใช้อำนาจแบบนี้แบบที่ผ่านมา แต่ผมพยายามจะใช้ ให้ถูกก็พยายามจะโจมตีผม เรื่องนี้เรื่องนั้นผมก็มาถูกบ้างผิดบ้าง แต่วันนี้จะโทษผมไม่ได้เพราะผมเป็นผู้ควบคุมกติกา ผมไม่เกรงใจหรอกเพราะถ้าเกรงใจก็จะเคยตัว
“เรื่องเรือดำน้ำ รอดูขั้นตอน ถ้ามันสามารถซื้อได้ ต้องดูความจำเป็นว่าจะต้องซื้อหรือไม่ หรือมีไว้เพื่อรบ หรือมีเพื่อไม่รบ หรือจะรบกับใครมา หรือไม่รบกับใคร ทรัพยากรที่จะต้องดูแลมีหรือไม่ เรามีทะเลอ่าวไทย how เดียวหรืออย่างไรอันไหนอันดามัน มีหรือไม่ จำเป็นจะต้อง ปกป้องพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลหรือไม่ ไม่ได้มีเพื่อไปรบยิงกับใคร แต่มีเพื่อให้เกรงใจ วันหน้าจะรักษาการเดินเรืออย่างไร เดินการประมงอย่างไร ก็เห็นอยู่ว่าทะเลอื่นเขามีปัญหา วันหน้าคิดว่าจะไม่มีปัญหาหรืออย่างไร มันเป็นศักยภาพเท่านั้นเอง แล้วมีก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ในวันนี้ต้องผ่อนอีกไม่รู้กี่ปี กว่าจะผ่อนเสร็จ เรือคลองคุ้ยแล้ว โธ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำจากจีน ต้องการจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเขาเรากลับจีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว วันนี้ทุกประเทศในโลกดีกับตน เว้นแต่ติดคำว่าประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะบอกให้ไม่ได้คุยนะ ซึ่งตนได้แสดงให้เห็นความตั้งใจจริง ที่ประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนทุกประเทศ และทำตามพันธสัญญาทุกกรณี รักษาผลประโยชน์ให้ทัดเทียมกัน ตรงนี้ต้องช่วยกันไม่ใช่มาขัดแย้งอย่างโน้นอย่างนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการตัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า การซื้อเรือดำน้ำไม่ใช่เหมือนการซื้อปาท่องโก้ ซึ่งเรือดำน้ำเป็นโครงการตามแผนพัฒนากองทัพเรือ ประกอบกับก็มีการจัดตั้งกองเรือดำน้ำ และตั้งผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำมานานแล้ว แต่ยังไม่มีเรือดำน้ำ แต่ที่ซื้อไม่ได้เพราะมีการวิจารณ์กันมาก ทั้งการใข้งบจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านยากจน ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่ทางกองทัพเรือมีโครงการดังกล่าวมากว่า 20 ปี เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาก็เสนอตามแผน และเสนอมายังกระทรวงกลาโหม นี่ไม่ใช้เสนอมาครั้งแรก แต่ได้เสนอมาตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนก็เห็นชอบ
แต่ว่าปัจจุบันทางรัฐบาลยังไม่เห็นชอบ เพราะต้องผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะมีการศึกษาถึงการเบิกจ่าย และงบประมาณผูกพันกว่า 7 - 10 ปี เพื่อจัดทำเป็นแผนงานต่อไป โดยปีงบประมาณ 2558 ทางกองทัพเรือใช้งบลงทุนของกองทัพเรือเอง 200 ล้าน แต่ไม่ใช่เป็นงบที่รัฐบาลจัดสรรเพิ่มเติมแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี การอนุมัติโครงการคงต้องถามรัฐบาลก่อน เพราะระยะเวลาผูกพันงบประมาณนั้น หากขาดเงินไปบ้างจะต้องของบสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นต้น สำหรับความคืบหน้า ทางกองทัพเรือยังไม่ได้เสนอโครงการมายังกระทรวงกลาโหม ตนจึงไม่ได้พิจารณาอะไร ทั้งนี้ คิดว่าจะซื้อเมื่อใดไม่สำคัญ เพราะเป็นงบประมาณที่กองทัพเรือวางแผนไว้ ซึ่งเรื่องนี้พูดกันจนเป็นประเด็น
ด้าน พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงขั้นตอนของกองทัพเรือ ว่า ขณะนี้เสร็จแล้ว โดยเป็นเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่น เอส 26ที จำนวน 3 ลำ ซึ่ง ครม. ครั้งที่แล้ว ได้ให้กองทัพเรือไปศึกษา เราก็ศึกษาอย่างดีที่สุด ส่วนอย่างอื่นเป็นนโยบาย ตนไม่ยังไม่อยากให้สังคมมาวิจารณ์ในช่วงนี้ ต้องคิดว่าทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ทหารเป็นรั้วของชาติ ตนเป็นทหารเรือก็รับผิดชอบในส่วนของทหารเรือ หน้าที่ของใครของมัน ไม่ควรก้าวก่าย ควรฟังกันบ้าง ไม่ใช่มาตำหนิอย่างเดียว เพราะโอกาสที่จะมีและจัดหาแต่ละครั้งไม่ง่าย กว่าจะได้เรือดำน้ำอย่างน้อยก็ 7 ปี จากนั้นส่งกำลังพลไปฝึก ทั้งนี้ เรือดำน้ำเป็นยุทธศาสตร์ในการป้องปรามและศักยภาพดีที่สุด ส่วนงบประมาณขึ้นอยู่กับ ครม. อนุมัติว่าจะเป็น 7 หรือ 10 ปี และถ้าไม่ซื้อเรือดำน้ำก็ต้องยุทโธปกรณ์อื่นทดแทน สรุปแล้วก็ไม่ได้อะไร งบกลางที่เป็นชิ้นเป็นอันต้องเข้าใจ หากเราไม่ได้เรือดำน้ำ ก็อาจจะไปได้เรือผิวน้ำ หรือเพิ่มเรือตรวจการลาดตระเวณมาทดแทน แต่ภาระกิจบางอย่างทดแทนไม่ได้
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การป้องปรามในอนาคตหากเกิดสงคราม เรือผิวน้ำแทบจะไม่เหลือ สิ่งที่อยู่รอดคือเรือดำน้ำ ทั้งนี้ กองทัพเรือไม่ได้มีแผนสำรอง หากไม่ได้เรือดำน้ำตนเองคงหยุด แต่ขณะนี้เราดำเนินตาม ครม. อนุมัติให้ไปศึกษารายละเอียดเกี่ยวเรือดำน้ำ ส่วนจะได้หรือไม่แล้วแต่นโยบาย ขณะนี้ขอให้ได้รับการอนุมัติก่อน ตนจะชี้แจงรายละเอียด แต่ขณะนี้ยังไม่เกิด ถ้า ครม. เห็นชอบเราจะมีการจัดหาตามงบประมาณที่กองทัพเรือได้รับในทุกปีอยู่แล้ว และเป็นงบผูกพันที่กองทัพเรือมีอยู่ ซึ่งการจ่ายงบประมาณผูกพันไม่ได้จ่ายครั้งเดียว 3 หมื่นล้าน แต่จะจ่าย 200 ล้าน และ 3,000 ล้าน ตามงบประมาณผูกพันตามลำดับที่กองทัพเรือมีอยู่ แต่ถ้าไม่ให้ซื้อเรือดำน้ำ ในปีต่อไปก็จะเอางบนี้ไปซื้อเครื่องบินแอมแบร์ หรือ เครื่องบินลาดตระเวนตรวจการณ์ ขึ้นมาทดแทน กองทัพเรือรบ 3 มิติ ทั้งใต้น้ำ ผิวน้ำ และบนอากาศยาน
“ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมพอเราจะจัดหาเรือดำน้ำแล้วไม่ได้ แต่ทำไมพอซื้ออย่างอื่นแล้วเฉย พอพูดถึงเรือดำน้ำ ก็ไปคิดกันอย่างโน้นอย่างนี้ อ่าวไทยไม่ได้ตื้นถึงขนาดใช้เรือดำน้ำไม่ได้ เพราะไปศึกษาในรายละเอียดมาแล้วที่เหมือนกับประเทศสวีเดน” พล.ร.อ.ไกรสร กล่าว
ส่วน “เรือดำน้ำจีนแบบเอส 26ที” จะตอบโจทย์หรือไม่ พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าเงินที่ตั้งไว้ไม่ได้เยอะ งบประมาณที่ตั้ง กองทัพเรือเน้นมากที่สุด ซึ่งภายใต้งบประมาณที่จำกัด เรือดำน้ำของจีนแบบ เอส26ที ตอบโจทย์มากสุด เพราะเรือดำน้ำของยุโรป เสนอขายแค่เรือ ไม่มีอาวุธ และการดูแลรักษา ตลอดจนถึงการซ่อมบำรุง มาแต่เรือเราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีอาวุธ แต่ในส่วนของจีนมีทั้งหมดพร้อมอะหลั่ยอีก 8 ปี
พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวว่า การจัดซื้อเป็นแบบซื้อขายรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่เหมือนเรือดำน้ำมือสองของเยอรมนี ที่ไม่มีการรับรองจากรัฐบาล เพราะไม่ส่งออก ถือเป็นเทคนิคของแต่ละประเทศ กองทัพเรือมีหน้าที่เสนอรายละเอียดและเสนอให้ผู้บังคับบัญชาในเรื่องความเหมาะสมเท่านั้นเอง
“ตอนนี้อย่าพึ่งไปคิดว่าอะไรดีไม่ดี แต่ทุกคนต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ต้องเชื่อใจกัน ถ้าให้กองทัพเรือรับผิดชอบในทะเลทั้งหมด ควรเชื่อใจทหารเรือ แต่ถ้ามานั่งคิดว่า ตรงนั้น หรือตรงนี้ไม่ได้ ท่านก็มาเป็นทหารเรือก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร การเป็นทหารเรือไม่ง่าย ถ้าคนที่อยู่ในเรือและต้องดำน้ำ 21 วัน โดยไม่โผล่มาเห็นเดือน เห็นตะวัน เขาเสียสละกันแค่ไหน พวกท่านมาบอกว่าซื้อแล้วจะใช้เงินมากมาย ก็เป็นเงินของผมเหมือนกัน ภาษีของทุกคนเหมือนกัน ผมก็เสียดายตังค์ ถ้าไม่ดี ผมก็ไม่อยากซื้อ ต้องเข้าใจคนอื่นบ้าง อย่าคิดคนเดียว” พล.ร.อ.ไกรสร กล่าว