“บิ๊กตู่” พร้อมใช้อำนาจผ่อนผันกฎเหล็กเรือประมงพื้นบ้าน แต่ต้องไม่ขัด “ไอยูยู” เผยรู้แผนสมาคมห้ามเรือถูกกฎหมายออก หวังเพิ่มปัญหาให้หนักเพื่อกดดันรัฐบาล ป้องกองทัพเรือขอซื้อเรือดำน้ำเป็นแผนพัฒนาที่มองไกล 10 ปี โวยจะอะไรกันนักหนา ยันไม่เกี่ยวกระชับสัมพันธ์จีน เพราะเป็นไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว
วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึง แนวทางการแก้ไขปัญหาประมงในขณะนี้ ว่า วันนี้ได้สั่งการให้ไปทบทวน เรื่องการดูแลประมงพื้นบ้านจะทำได้อย่างไร เพราะเรามีกฎหมายฉบับเดียว แต่เรือประมงบ้านเรามี 3 ประเภทหลัก ประกอบด้วย 1. เรือประมงนอกน่านน้ำ 2. เรือประมงทั่วไปในน่านน้ำ และ 3. เรือประมงพื้นบ้าน ซึ่งแต่ละประเภทมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ย้ำคือต้องถูกกฎหมาย มีมารยาทมีจรรยาบรรณ ทั้งนี้ ไม่อยากให้เท้าความว่าทำไมแต่ก่อนไม่มี ไม่ทำ วันนี้ถึงต้องมาทำ จึงเกิดปัญหา ดังนั้น อยากให้สื่อช่วยทำความเข้าใจ วันนี้เราจะมาแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ เราต้องเอากฎเกณฑ์กติกาสากล มาใช้ด้วย ขณะเดียวกัน ต้องไม่ทำให้ประชาชนของเราเดือดร้อนมากนัก ซึ่งอาจจะมีความเดือดร้อนบ้าง เพราะเราไม่เคยทำ แต่ถ้าทำแล้วสำเร็จจะดีหรือไม่ ก็ต้องดีในระยะยาว ซึ่งเราก็ต้องหามาตรการดูแลโดยเฉพาะประมงพื้นบ้าน ที่มีอยู่ 7 - 8 สมาคม ต้องมาช่วยตนไม่ใช่ออกมารวมตัวต่อต้าน กฎหมายมันไม่ใช่ เพราะเรากำลังแก้ไขปัญหาทุกอย่าง ทั้งนี้ เรากำลังทบทวนดูว่า มีอะไรที่พอจะผ่อนผันได้บ้าง โดยไม่ขัดหลักเกณฑ์ ไอยูยู จะบอกว่าเราทำของเราไม่สนใจใครไม่ได้ เป็นความผิดพลาดการบริหารราชการแผ่นดิน วันนี้ไปทำให้ถูกแน่นอนย่อมมีความเดือดร้อน การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่ทำง่าย แต่หลายคนก็มีความหวัง และหลายคนคาดว่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ ขอถามว่ามันง่ายไหม นี่ขนาดรับฟังปัญหาไม่รู้กี่ประชุมแล้ว ก็ยังเป็นแบบนี้เลย ถามว่าสั่งวันนี้และพรุ่งนี้ทำ มะรืน สั่งเรื่องใหม่แล้วมันจะติดไหม ทุกอย่างจะประดังไปหมด เพราะคนส่วนหนึ่งยังไม่เข้าใจ แต่ตนก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องปากท้องของเขา ยืนยันจะดูเรื่องนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่สมาคมไปทำสัญญาห้ามเรือถูกกฎหมายออก เพื่อเพิ่มความกดดันนั้น ตนมีข้อมูลเรื่องนี้พอสมควร ซึ่งเรือประมงหลายลำบอกว่าพร้อม แต่ไม่สามารถออกเรือได้ เพราะทางสมาคมขอร้องไม่ออก เพื่อรวบรวมให้มีปัญหามากๆ ตรงนี้มันไม่ได้ โดยตนจะให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) และส่วนราชการ เรียกผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตมา หรือการว่าจะสามารถออกเรือได้วันไหนอย่างไร แต่ถ้าไม่ออกก็ช่วยไม่ได้ ถ้าถูกกฎหมายแล้วไม่ออกก็ช่วยไม่ได้เลย ถ้าไม่ถูกกฎหมายก็ไปทำให้ถูกกฎหมาย ที่ผ่านมาและรวมแล้วจะโทษใคร ก็ทั้งหมดนั้นแหละ ทางผู้บริหารสมาคมและผู้ประกอบการ เพราะทุกคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย วันนี้ต้องเอากฎหมายกับเขามาบ้าง ประเด็นสำคัญคือ เราอย่าไปคาดหวัง ถ้าเราเสียตลาดนี้ไปแล้วไปหาตลาดใหม่ได้ มันคงไม่ง่ายนัก เพราะมันผูกโยงกันหมด วันนี้ต้องมาดูว่ากิจการที่ต้องใช้ปลา ที่จับมาลดลงจะทำอย่างไร สมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำอาหารจะต้องไปดูกฎหมาย จะสามารถผ่อนผันได้หรือไม่ ที่จะต้องไปซื้อปลาจากต่างประเทศ เพราะเราไม่สามารถไปจับได้ทั้งหมด ซึ่งความต้องการมีมากกว่าที่จับได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า มีความเป็นห่วงเป็นใยชาวประมงที่มีรายได้น้อย แต่บางส่วนก็พอใจว่าจับปลาได้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ประกอบการ ให้ช่วยกันดูเรื่องประมงอย่าปล่อยให้เป็นภาระของรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวก หากฎหมาย ให้ยอมรับ หากจำเป็นก็จะมีการผ่อนผัน ในบางมาตรการที่ไม่ขัดแย้งกับไอยูยู
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะผ่อนผันบางมาตรการเพื่อช่วยเหลือประมง เพื่อนบ้าน โดยไม่ให้ขัดแย้งกับกฎไอยูยู พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาไม่ใช่สั่งปุ๊บแล้วไปปุ๊บ มันคลอดเป็นเต่าตนุหรือไง ต้องดูด้วยว่าที่ ไอยูยู เขียนไว้ 15 มาตรการ มีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทมีผลกระทบอะไรบ้าง ต้องไปดูในเชิงปฏิบัติ จะมีกฎหมายลูกได้หรือไม่ หรือจะให้ตนใช้อำนาจผ่อนผันชั่วคราว วันนี้เรือที่ออกไม่ได้ เรือที่ไม่จดทะเบียน เนื่องจากเครื่องมือไม่ถูก ตาอวนเกินขนาด ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ ถ้าไม่ทำตามมาตรการของไอยูยู แล้วจับปลามามากๆ เราจะไปขายใคร อีกปัญหาคือวันนี้ปริมาณปลาที่เราจับมาได้มันต่างกับเรือที่ขึ้นทะเบียนไว้ มีการลักลอบจับปลา และที่บอกว่าจะมีการประท้วงนั้น “สรุปมึงมาเลย มาประท้วงเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมาคมที่ห้ามเรือที่ถูกกฎหมายออกจับปลา ถือว่ามีความผิดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบมาว่าเป็นสมาคมไหน ความผิดกฎหมายคงไม่มีแต่เป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพล
ซึ่งจะต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร ถ้าไปห้ามคนอื่นไม่ให้ออกเรือ เดี๋ยวคนนั้นก็ไปเอาเรื่องคนที่ห้ามเอง เขาต้องมีรายได้ ถ้าไม่ออกก็เสียหาย การที่ตนเดินตามโรดแมป ทุกคนมองว่าเดี๋ยวก็ไปแล้ว ทุกคนก็ไม่ค่อยกล้า คนที่เขาอยู่ในระบบนานที่ยังไม่เกษียณ ก็ไม่กล้าพูดหรอก
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯเคยบอกว่าถ้ามีนักเลงจะส่งทหารลงไป ปัญหานี้ต้องส่งทหารไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ก็ดูงัย จะให้ไปกระชากคอแล้วชกหน้าหรืองัย ก็ต้องไปตรวจสอบเรียกมาทั้งหมด เรือไหนที่จะออกทะเล ถ้าไม่มาก็จะมาโวยไม่ได้ วันนี้มีเรือเป็นหมื่นลำ ทหารเรือมีกี่คน ที่จะไปอยู่ได้ก็ไม่มีงานอื่นหรืออย่างไร จะต้องให้ไปช่วยทุกอย่างหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า วันนี้ทำไมตอบเป็นนักเลงจัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นักเลงยังไงก็พูดความจริง ตนไม่เคยใช้คำพูดโลกสวยทำไมล่ะก็คนกันเอง พวกเดียวกันไม่ใช่เหรอเพื่อนกันนะ ไม่มีอีกแล้วที่ใครจะพูดแบบตน แต่ไม่ใช่อวดเก่ง
นอกจากนี้ นายกฯ ยังให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือในขณะนี้ว่า เรื่องนี้เป็นแผนงาน การพัฒนาของกองทัพ อย่าไปคิดว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น ต้องดูแผนพัฒนาของกองทัพที่มองล่วงหน้าไป 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้เกิดมานานแล้วไม่ใช่พึ่งมาเกิดในรัฐบาลนี้ ขอถามว่ารัฐบาลอื่นจะทำหรือไม่ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกัน อันนี้เป็นเรื่องขั้นตอนเป็นการกำหนดความต้องการของกองทัพ ว่า ถ้าจะมี จะมีอย่างไร และมีที่ไหน มันเป็นเรื่องภายในของเขา ยังไม่ได้ซื้อสักลำเลย
“จะอะไรกันนักหนา จะโยงกันไป เรื่องประมงบ้าง เรื่องรถไฟบ้าง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องทำอะไรเลยอยู่เฉยๆ ดีกว่า เอาเงินมาจัดการแล้วโกงกันเอามั้ย เปิดฟรีกันไปเลย แบ่งเค้กกันไป ใครอยากจะเอาอะไรมาติดต่อกับผมนี่ตั้งโต๊ะกันไปเลยเอาไหม แล้วก็เป็นอย่างนี้อยู่กันไปอย่างนี้แล้วกันหากินกันไปเรื่อย เขาอยู่ในกระบวนการของเขาชอบพูดให้ฟัง ก็เป็นเรื่องภายในของเขา เดี๋ยวกองทัพอื่นเขาพูด แผนพัฒนา 10 ปี 20 ปีมีหมด วันนี้ปฏิรูปกองทัพก็มีปฏิรูปตำรวจก็มีการปฏิรูปข้าราชการก็มีหมด แต่กลับเป็นระยะๆ ของเขา ผมถามว่าการเมืองมีมั้ยเคยทำมั้ยล่ะ ปฏิรูปการเมืองตัวเองเคยไหม ไม่เคยทำหรอก มีแต่อยากจะได้อำนาจ แล้วก็ใช้อำนาจแบบนี้แบบที่ผ่านมา แต่ผมพยายามจะใช้ ให้ถูกก็พยายามจะโจมตีผม เรื่องนี้เรื่องนั้นผมก็มาถูกบ้างผิดบ้าง แต่วันนี้จะโทษผมไม่ได้เพราะผมเป็นผู้ควบคุมกติกา ผมไม่เกรงใจหรอก เพราะถ้าเกรงใจก็จะเคยตัว เรื่องเรือดำน้ำ รอดูขั้นตอน ถ้ามันสามารถซื้อได้ ต้องดูความจำเป็นว่าจะต้องซื้อหรือไม่ หรือมีไว้เพื่อรบ หรือมีเพื่อไม่รบ หรือจะรบกับใครมาหรือไม่รบกับใคร ทรัพยากรที่จะต้องดูแลมีหรือไม่ เรามีทะเลอ่าวไทย how เดียวหรืออย่างไรอันไหนอันดามันมีหรือไม่ จำเป็นจะต้อง ปกป้องพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลหรือไม่ ไม่ได้มีเพื่อไปรบยิงกับใคร แต่มีเพื่อให้เกรงใจ วันหน้าจะรักษาการเดินเรืออย่างไร เดินการประมงอย่างไร ก็เห็นอยู่ว่าทะเลอื่นเขามีปัญหา วันหน้าคิดว่าจะไม่มีปัญหาหรืออย่างไร มันเป็นศักยภาพเท่านั้นเอง แล้วมีก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ในวันนี้ต้องผ่อนอีกไม่รู้กี่ปี กว่าจะผ่อนเสร็จเรือคลองคุ้ยแล้ว โธ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำจากจีนก็ต้องการจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อเขาเรากับจีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่แล้ว วันนี้ทุกประเทศในโลกดีกับตน เว้นแต่ติดคำว่าประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะบอกให้ไม่ได้คุยนะ ซึ่งตนได้แสดงให้เห็นความตั้งใจจริง ที่ประเทศไทยพร้อมที่จะสนับสนุนทุกประเทศ และทำตามพันธสัญญาทุกกรณี รักษาผลประโยชน์ให้ทัดเทียมกัน ตรงนี้ต้องช่วยกันไม่ใช่มาขัดแย้งอย่างโน้นอย่างนี้