“รองยงยุทธ” เผย บอร์ด สสส. เห็นชอบยุทธศาสตร์เหล้า - บุหรี่ เดินหน้าป้องกันนักดื่ม - นักสูบหน้าใหม่ ชี้ร้านอาหารตามสั่งช่องโหว่เด็กมหาลัย อาศัยนั่งดริงก์ เล็งถกสรรพสามิตปรับขึ้นภาษียาเส้น
วันนี้ (3 ก.ค.) ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบยุทธศาสตร์แผนควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติด ซึ่งได้กำหนดทิศทางเป้าหมายการดำเนินงานช่วงปี 2558 - 2560 อาทิ สนับสนุนการออกกฎหมาย และนโยบายที่จำเป็นต่อการลดการการบริโภค มาตรการภาษีและราคา การจำกัดใบอนุญาต การโฆษณา ขยายรวมถึงการพัฒนานโยบายยุทธศาสตร์ในระดับจังหวัด และมาตรการชุมชน เพื่อขยายศักยภาพภาคี โดยเน้นที่การป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ อาทิ เสนอให้มีการออกกฎหมายประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา การออกมาตรการไม่ให้สถานศึกษา มีการป้องกันไม่ให้จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี นอกจากนั้น จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบข้อมูล องค์ความรู้และงานวิจัยเพื่อตอบสนองนโยบาย และเชื่อมโยงระบบบริการเลิกสุราเข้ากับกิจกรรมรณรงค์ป้องกันให้ทั่วถึง
“ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารตามสั่งกลายเป็นเครื่องมือของธุรกิจสุรา เพราะสามารถขายได้โดยไม่ต้องขออนุญาต จึงกลายเป็นช่องว่างสำคัญทำให้เครื่องดื่มสุราสามารถเข้าใกล้เยาวชนในสถาบันอุดมศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการจำกัดสถานที่ขายสุรา คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มี รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ได้มีการประชุมหารือแนวทางกำหนดข้อจำกัดขอบเขตไม่อนุญาตให้ตั้งขายสุราในพื้นที่ 300 เมตร รอบมหาวิทยาลัย และ สถาบันอาชีวศึกษา โดยยกเว้นสถานบันเทิงที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเดิม คือ พัฒน์พงศ์ และ อาร์ซีเอ ซึ่งจะนำนำเสนอเพื่อหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อขอความเห็นชอบในวันที่ 10 ก.ค. นี้ต่อไป” ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าว
ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า นอกจากนั้น ได้เห็นชอบการดำเนินงานตามแผนงานศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ลดปริมาณผู้สูบเดิมและป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยใช้โครงการนำร่องการลดผู้สูบหน้าใหม่ที่ทดลองได้ผลดีมาขยายเพิ่มเติม และสร้างแรงจูงใจในการเลิกบุหรี่ของนักสูบเดิมด้วยการเพิ่มการเข้าถึงบริการการเลิกบุหรี่ ในส่วนการบังคับใช้กฎหมายนั้น ได้มีการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่า ปัจจุบันอัตราการเก็บภาษียาเส้นยังต่ำกว่าบุหรี่ซองถึง 100 เท่า จึงเสนอให้ มีการหารือร่วมกับกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังเพื่อผลักดันให้เพิ่มอัตราภาษียาเส้นในอัตราที่เหมาะสมต่อไป