กรรมการสิทธิฯ เชิญพ่อแม่นักศึกษาดาวดินให้ข้อมูล ยันลูกเคลื่อนไหวอิสระไม่เกี่ยวกลุ่มการเมือง ระบุไม่ใช่กบฏ วอนปล่อยตัว ด้านทนายจี้รัฐพิสูจน์ข้อหาขั้วอำนาจเก่าหนุนหลัง ชาวบ้านแห่ยันดาวดินคนดี ขวัญใจคนยาก ประณามทหารไม่ยุติธรรม อนุฯ กสม.เตรียมเชิญทหาร-ตร แจง 8 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ค.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมือง เชิญผู้ปกครองของ 14 นักศึกษาที่ถูกจับกุมและตัวแทนภาคประชาชนที่กลุ่มดาวดินเคยร่วมงานในพื้นที่ เข้าให้ข้อมูลหลังถูกเจ้าหน้าที่จับกุม
นพ.นิรันดร์กล่าวว่า สืบเนื่องจากมติ กสม.ที่ให้เข้าตรวจสอบ 14 นักศึกษา กรณีถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและกรณีที่นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจุตภัทร หรือไผ่ ดาวดิน ยื่นคำร้องให้ กสม.ตรวจสอบการละเมิดสิทธิ 14 นักศึกษา กสม.จึงมอบหมายให้คณะอนุกรรมการสิทธิการเมืองฯ เข้ามาตรวจสอบ
นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจุตภัทร หรือไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่กรุงเทพฯ ตนติดตามข่าวและเห็นว่าทหารและตำรวจมีจำนวนมากกว่านักศึกษา ปกติเวลาจัดกิจกรรมจะมีการต่อรองกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ให้จัดก็ไม่ได้จัด ก็คิดว่าการจัดกิจกรรมการล่าสุดมีการต่อรองกันแล้ว เห็นตำรวจทหารนั่งดู สุดท้ายกลับมาจับและบอกว่าเป็นเรื่องคดีเก่าก็ยังมองเป็นเรื่องปกติ แต่ใช้ ป.วิอาญา มาตรา 116 ก็งง เพราะคิดว่าไม่เข้าข่ายและสงสัยว่าคดีใหญ่ๆ อย่างนี้ปล่อยให้ดำเนินกิจกรรมได้อย่างไร หลายครั้งไม่ให้ทำเลย มันก็จบ ดังนั้นเมื่อเด็ก 14 คน ทำท่าเป็นกบฏทำไมไม่ห้าม กลับนั่งดูเฉยๆ
“การใช้กฎหมายแบบนี้มันเลือกใช้หรือไม่ ประชาชนจะหวังพึ่งกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร เรายอมรับว่าสังคมต้องเคารพกฎหมาย แต่เด็กเขาไม่ยอมรับเพราะไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย และแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย กฎหมายเป็นกติกาให้สังคมอยู่ร่วมกัน ไม่ให้กดขี่ใคร และต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม ถ้าไม่เป็นธรรมแล้วใช้ชื่อกฎหมายก็ไม่น่าเคารพ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วมีคนเกเรมาออกกฎหมายให้คนเชื่อถือแล้วมาไล่จับ ใช้มาตรา 116 กับเด็ก ถ้าตีความกันเฟ้อสังคมจะอยู่ได้อย่างไร การทำกับเด็กเกินกว่าเหตุหรือไม่ และตนขอย้ำว่าอย่าเอาเรื่องการเมืองไปแตะ หรือสีสันวรรณะเข้าไปแตะไผ่ มาบอกเองว่ามีทุกสีทุกพรรค พยายามเข้าไปแตะเขา เขาบอกเขาไม่เอา”
ด้านนางเรวดี สิทธิสุราษฎร์ มารดานายรัฐพล ศุภโสภณ หรือบาส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.มีทหารนอกเครื่องแบบไม่มีการแสดงบัตรไปพบ เชิญไปพบผู้บังคับบัญชาระดับสูงซึ่งตนไม่ไปพบ รู้สึกไม่น่าไว้วางใจและไม่ปลอดภัย เขาถามให้ช่วยอะไร ก็บอกอยากให้ช่วยปล่อยลูกตน เพราะเด็กไม่ใช่กบฏ ไม่ได้นิยมความรุนแรง แค่ต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องตามวาระ ไม่ต้องการใครครอบงำความคิดในการกิจกรรม การทำกิจกรรมของเขาไม่ต้องการมวลชน ไม่ต้องการนักการเมืองมาอยู่เบื้องหลัง เขาจะโกรธมากใครมายุ่งและทำให้กิจกรรมเขาผิดเพี้ยนไป เขาไม่เคยเรียกร้องมวลชนไปร่วม ไม่ว่าสีไหน
“10 ปีมานี้ สังคมประเทศเราแย่ เด็กเห็นและคับข้องใจและสนใจการเมือง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ เขาเป็นอนาคตของชาติเขาอยากมีอนาคตที่เขาโหยหา ผู้ใหญ่อย่าทำลายอนาคตของชาติที่เป็นกลุ่มเล็กแสดงความคิดเห็น ควรให้โอกาส เขาอยากได้พื้นที่ เมื่อเขาได้พื้นที่ก็จบ โดยไม่ต้องมาทำลายกันขนาดนี้ ในอนาคตผู้ใหญ่ต้องส่งไม้ต่อให้เขา ผู้ใหญ่ควรเมตตาเด็ก ให้อภัย เขาไม่ได้ทำความผิดสร้างความวุ่นวาย แค่14 คน ประเทศนี้ยังเดินไปได้ อย่าทำลายโดยจับยัดคุก ขอร้องเถอะ เด็กคิดดีทำดีทำได้ โดยไม่วุ่นวาย ไม่อยากให้ถึงจุดนี้ ผู้ปกครองไม่มีอำนาจห้ามสิ่งที่เขาโหยหา อยากเรียกร้องให้ปล่อยเขา อย่ายัดข้อหาเกินกว่าเหตุ อย่าขังโดยไม่มีกระบวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่บอกให้เซ็นชื่อแล้วจะไม่ตั้งข้อหา กลับมีหมายเรียก ผู้ใหญ่รับปากแล้วทำไมเสียคำพูด”
ส่วนนายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ ทนายความลุ่มนักศึกษากล่าวว่า การกระทำของนักศึกษา 14 คน ไม่น่าเข้าข่ายมาตรา 116 เพราะเป็นการแสดงออกตามวาระทางการเมือง ส่วนที่ระบุว่านักศึกษามีคนเสื้อแดง หรือขั้วอำนาจเก่าอยู่เบื้องหลัง ถ้าเป็นจริงเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐพิสูจน์ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ยืนยันได้แล้วค่อยตั้งข้อหา ไม่ใช่ดำเนินการด้วยข้อสันนิษฐาน หากข้อมูลแบบนี้ผ่านโซเชียลออนไลน์ อาจจะคลาดเคลื่อนจนเข้าใจผิดกับกลุ่มนักศึกษาได้ว่าถูกจับเพราะมีเจตนาล้มรัฐบาลเพื่อกล้บสู่อำนาจเดิม ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ กสม.ควรสืบเสาะข้อเท็จจริงและแถลงต่อสังคม
ขณะที่กลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มคัดค้านเหมืองทอง คัดค้านการสำรวจปิโตรเลียม จาก จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เลย ที่กลุ่มดาวดินเคยเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายชุมชน สิทธิของชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านรู้สิทธิตัวเองและสามารถลุกขึ้นมาเรียกร้องกับภาครัฐ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและไม่เคยมีการปลุกระดม เหมือนเป็นพระเอกที่เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน จึงขอประณามทหารไม่มีความยุติธรรมที่จับกุมโดยใช้กฎหมายที่แรงเกินกว่าเหตุ
นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ขอสรุปใน 3 ประเด็น คือ 1. กสม.ตรวจสอบการทำงานของกลุ่มดาวดินที่ทำงานกับชาวบ้านมาโดยตลอดซึ่งถือเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนจนได้รับรางวัลจาก กสม.อยากให้มีการนำเสนอเรื่องนี้ด้วย เพราะมีการสาดโคลนกันไปต่างๆ นานาเนื่องจากไม่เข้าใจข้อเท็จจริง 2. วันที่ 8 ก.ค.เวลา 10.00 น.จะเชิญทหาร ตำรวจและสภาทนายความเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับ กสม. และ 3. จะตรวจสอบกรณีค้นรถทนายความของกลุ่มดาวดินว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรับฟังความคิดเห็นมีชายแต่งกายคล้ายทหารรายหนึ่งระบุว่าเป็น รปภ.ของบริษัท ธนารักษ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพฯ และบริหารสินทรัพย์อื่นของรัฐตามนโยบาย เข้ามาเก็บภาพบรรยากาศ ทำให้ นพ.นิรันดร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยขอให้ รปภ.รายดังกล่าวรายงานตัว นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ขอให้เลขานุการสอบถามบริษัท ธนารักษ์ ที่ส่งคนมาครั้งนี้เพราะไม่มีการขออนุญาต ถือป็นการแทรกแซงและดูถูกการทำงานของ กสม. ถ้าต้องการรู้การทำงาน เรารายงานให้ได้ และขอให้ รปภ.คนดังกล่าวรายงานอย่างตรงไปตรงมา ถ้ามีการบิดเบือนจะฟ้องอย่างแน่นอน