รมว.วิทย์ ตั้งคณะทำงานแก้ภัยแล้งแบบวอร์รูม มอบปลัดกระทรวงเป็นประธานแบ่ง 3 แนวทาง หนุนข้อมูล เยียวยา แสวงหาแหล่งน้ำ พร้อมจัดเพคเกจช่วยเกษตรกรทันที พัฒนาระบบคลังข้อมูลสภาพน้ำ เพื่อให้หน่วยเกี่ยวข้องมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ จัดทำระบบแผนที่กลางเพื่อติดตามพื้นที่ภัยแล้ง พัฒนาเครื่องกรองน้ำดื่มจากน้ำกร่อย ส่งเสริมปลูกพืชใช้น้ำน้อย เผยวิจัยข้าวทนแล้ง
วันนี้ (2 ก.ค.) ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า จากปัญหาภัยแล้งที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วน จึงตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาภัยแล้งในรูปแบบวอร์รูม สนับสนุนภารกิจรัฐบาลในการแก้ปัญหาภัยแล้งของประเทศ โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 แนวทาง คือ 1. สนับสนุนข้อมูลสถานการณ์และการคาดการณ์ 2. สนับสนุนการเยียวยาบรรเทาปัญหา และ 3. สนับสนุนทางเลือกการแสวงหาแหล่งน้ำใหม่ คณะกรรมการชุดดังกล่าวตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นประธาน และมีคณะทำงานมาจากผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สำนักปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ทั้งนี้ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่หมายเลข 1313
ดร.พิเชฐกล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้จัดแพคเกจช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งที่พร้อมนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันที ประกอบด้วย การพัฒนาระบบคลังข้อมูลสภาพน้ำ โดย สสนก.นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำไว้ในระบบเดียวกัน ให้บริการผ่านเว็บไซต์ www.thaiwater.net เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจบริหารจัดการน้ำ และประชาชนทั่วไปสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำได้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญที่นำเสนอผ่านระบบคลังข้อมูลน้ำ ได้แก่ ข้อมูลเพื่อการติดตามสภาพอากาศ เช่น เส้นทางพายุ ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามและคาดการณ์สภาพอากาศจากค่าความสูงน้ำทะเลและอุณหภูมิผิวน้ำทะเล แผนภาพคาดการณ์ฝนล่วงหน้า 7 วัน จากแบบจำลองสภาพอากาศ (WRF Model) และข้อมูลเพื่อการติดตามสถานการณ์น้ำ เช่น ข้อมูลฝนตกในพื้นที่ ปริมาณและระดับน้ำในเขื่อน เส้นทางน้ำและระดับน้ำในลุ่มน้ำ
ขณะที่ สทอภ.จัดทำระบบแผนที่กลางเพื่อติดตามพื้นที่ภัยแล้ง สนับสนุนการตัดสินใจและการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้งของประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ติดตาม วิเคราะห์ และตรวจสอบสถานการณ์ภัยแล้งได้ครอบคลุมทั้งประเทศ ตลอดจนใช้เป็นข้อมูลในการชี้เป้าพื้นที่สำคัญเพื่อขุดเจาะบ่อบาดาล ซึ่งเป็นการสนับสนุนทางเลือกเพื่อการแสวงหาแหล่งน้ำใหม่ให้กับชุมชน นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจให้แก่เกษตรกรในการเลือกปลูกพืชเพื่อทดแทนข้าวจำพวกพืชล้มลุก ที่แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมของดิน สภาพฝนจากข้อมูลในอดีต แหล่งน้ำ แหล่งรับซื้อผลผลิตทั่วประเทศผ่านทาง “ระบบบูรณาการ การบริการแผนที่กลางของประเทศ” หรือ (NGIS Map Portal) ตามบัญชาของท่านนายกรัฐมนตรีด้วย
สวทช.โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับ สสนก.พัฒนาเครื่องกรองน้ำดื่มจากน้ำกร่อยด้วยเทคโนโลยีไส้กรองนาโนเพื่อแก้ปัญหาน้ำเค็มรุกแม่น้ำสายหลักที่กระทบต่อพื้นที่การเกษตรและระบบผลิตน้ำประปา ในขณะที่ วว.ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาเครื่องกรองน้ำระบบน้ำไหลผ่านเส้นใยสังเคราะห์และเครื่องกรองน้ำทะเลเป็นน้ำจืดแบบรีเวิร์สออสโมซีส และยังให้บริการทดสอบเครื่องกรองน้ำดื่มและไส้กรองความขุ่น ตามข้อกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ด้าน วศ. เตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็วซึ่งเป็นทีมงานนักวิทยาศาสตร์ที่พร้อมลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินเพื่อทดสอบคุณภาพน้ำ ในกรณีที่หน่วยงานในพื้นที่พบปัญหาหรือข้อสงสัยเรื่องคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำที่อาจส่งผลต่อระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศ หน่วยเคลื่อนที่นี้จะลงพื้นที่ให้บริการเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินเพื่อนำมาทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยให้บริการทดสอบคุณภาพน้ำด้วยวิธีทดสอบที่เป็นมาตรฐาน
สทน.ผลิตพอลิเมอร์ดูดซึมน้ำสูงที่สามารถย่อยสลายจากผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง มีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในทางการเกษตรเพื่อรักษาความชื้นของดิน เป็นการเพิ่มมูลค่าของแป้งมันสำปะหลัง ลดปริมาณการใช้น้ำในการเกษตร สามารถแก้ปัญหาการเพาะปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง และลดการนำเข้าพอลิเมอร์ดูดซึมน้ำสูงจากต่างประเทศได้ นอกจากนี้ สทน.ยังได้นำองค์ความรู้ด้านไอโซโทปอุทกวิทยา ประเมินแหล่งน้ำบาดาล และปริมาณน้ำบาดาล เพื่อสามารถค้นหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่ๆ ไว้ใช้ในภาวะแล้ง สามารถบริหารจัดการน้ำ และควบคุมมลภาวะ โดยนำมาใช้แทนที่หรือสนับสนุนวิธีการเดิมที่ใช้การวัดน้ำฝน แม่น้ำ และแหล่งน้ำต่างๆ
ดร.พิเชฐกล่าวว่า นอกจากจะบริหารจัดการน้ำและพื้นที่เพาะปลูกแล้ว กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้มีมาตรการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพด ถั่วเขียว ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง ขณะเดียวกัน สวทช.ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวทนแล้งด้วย