รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอนนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ 6 ปี ยันนายกฯ พยายามแก้ปัญหาชาติทุกมิติ บอกค่าแรงขั้นต่ำถ้าปรับขึ้นสะเปะสะปะโรงงานไม่มีในไทย โอ่ไฟใต้ลด 50% เร่งผุดรถไฟความเร็วสูง ให้ทุกหน่วยจัดทำแผน ในมิติความมั่นคง 4 ประการ
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานมอบนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ปี 2558-2564 โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทการสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ร.อ.ไกรสร จันสุวาณิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม 50 หน่วยงานเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นายอนุสิษฐกล่าวรายงานการประชุมว่า นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและตระหนักสำคัญถึงงานด้านความมั่นคงทั้งมิติภายในและนอกประเทศ โดยมีสาระสำคัญงานความมั่นคงในกรอบนโยบาย 2 ส่วน คือ นโยบายเสริมสร้างความมั่นคงที่เป็นแกนหลักของชาติ เช่น การสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ การสร้างความเป็นธรรม ปรองดอง และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติทั่วไป 13 ประการ เช่น นโยบายจัดระบบบริหารจัดการชายแดน นโยบายปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ขณะที่ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า งานด้านความมั่นคงในปัจจุบันมีหลายมิติซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชนความเหลื่อมล้ำ ภัยแล้ง ในปัจจุบันรัฐบาลทำงานหนักมากในเรื่องความมั่นคง ทั้งในเรื่องของต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู ที่ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารไปดำเนินการ ตลอดจนการแก้ไปปัญหาการค้ามนุษย์ที่มอบให้ตำรวจและทหารดำเนินการ ดังนั้น งานทางด้านความมั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจทหารเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกันทั้งหมดเพื่อสร้างรากฐานแก่ประเทศต่อไป และทางนายกฯ ได้วางโรดแมปในการทำงาน และในระหว่างร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ ได้พยายามแก้ปัญหาของชาติในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจที่ทั่วโลกประสบอยู่ และตระหนักดี ซึ่งทางรัฐบาลพยายามที่จะดูแลเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้เพื่อสร้างรากฐานให้ประเทศ ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จึงอยากให้หัวหน้าส่วนราชการ เอางานด้านความมั่นคงทุกมิติ ไปพัฒนาให้เกิดความมั่นคง แม้แต่กรณีการเรียกร้องแรงงานขั้นต่ำเป็น 360 บาท ถ้าหากเราปรับเปลี่ยนแบบสะเปะสะปะ รับรองได้ว่าต่อไปโรงงานในประเทศไทยไม่มี ต้องย้ายไปทำที่อื่นกันหมด จึงอยากให้ทุกท่านรับรู้รับทราบและนำประชาชนมามีส่วนร่วมในการสร้างรากฐานงานด้านความมั่นคงของประเทศ ตนจะยกตัวอย่างงานที่เห็นได้ชัดเจน คือ การทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในการทำงาน และรู้ว่าการทำความเข้าใจกับประชาชนให้มามีส่วนร่วมจะทำให้งานประสบความสำเร็จ
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องการสร้างรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงที่นายกฯ กำลังดำเนินการอยู่ ถือว่าเป็นการสร้างพื้นฐานการคมนาคมในการเคลื่อนย้ายประชาชนในอนาคต และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว เวียดนาม จีน มาเลเซีย เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกท่านเป็นข้าราชการประจำที่มีความสำคัญทุกหน่วยงาน ต้องช่วยกันผลักดันให้นโยบายของทางรัฐบาลสัมฤทธิผล เพราะอาศัยทางรัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถทำได้หากไม่มีข้าราชการคอยช่วย
พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทาง สมช.จึงได้กำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติฉบับนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้จัดทำแผนงาน โครงการ และนำสรรพกำลังทุกส่วนไปสนับสนุนงานด้านความมั่นคง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยนโยบายและแผนงานความมั่นคงแห่งชาติฉบับนี้ครอบคุมทั้ง 16 หัวข้อ โดยมีกรอบการดำเนินงาน 7 ปี จึงขอให้ส่วนราชการจงตระหนักในมิติความมั่นคง 4 ประการ 1. ความมั่นคงที่เป็นรากฐานของประเทศให้ประเมินสถานการทั้งในและนอกแนะเทศตลอดเวลา พร้อมทั้งกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ แผนงานที่เหมาะสม เมื่อประเทศมั่นคงก็จะเกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานหาวิธีทางเพื่อให้เกิดพลังสนับสนุน เช่น การสร้างความสามัคคี ความปรองดอง การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. รัฐบาลให้ความสำคัญในการนำพาประเทศให้มีความก้าวหน้าบนพื้นฐานของประเทศที่มั่นคง ประชาชนอยู่ดีกินดี ขอให้ทุกหน่วยงานได้ตระหนักถึงความสำคัญ ให้ทำแผนการปฏิบัติงานในระดับกระทรวง ทบวง กรม จนถึงระดับท้องถิ่น บูรณาการงานภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานหลัก 3. ให้ความสำคัญและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ให้สังคมสงบสุข ให้ตระหนักถึงการเฝ้าระวังป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนการจัดการงานด้านชายแดนทั้งทางบก และทางอากาศ 4. ให้ความสำคัญต่อมิติงานด้านการต่างประเทศ เน้นการสร้างตวามสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ
พล.อ.ประวิตรกล่าวในตอนท้ายว่าขอให้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญในมิติด้านความมั่นคงและผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ขอให้สร้างความรับรู้ให้แก่ประชาชนให้กับประชาชนในทุกแขนงให้เข้าใจว่าในปัจจุบันรัฐบาลกำลังกำลังแก้ปัญหาและเดินตามโรดแมป แต่ก็ยังมีการออกมาเคลื่อนไหว ขอว่าอย่าเพิ่งออกมา เราขอเวลาแค่ปีเศษในการทำงาน เมื่อรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดต่อไปก็มาสานต่อ ขอให้ทุกคนได้เข้าใจ และทราบว่านายกฯ และตนเข้ามาทำงานไม่ใช้ต้องการอำนาจหรือผลประโยชน์ ถ้ามีใครมากล่าวอ้างว่าโครงการนี้เป็นของตนให้เอาตัวมา เพราะเราทุกคนทำเพื่อประเทศ