เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (2 ก.ค.) ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานมอบนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2558 2564 โดยมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทการสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ร.อ.ไกรสร จันสุวาณิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บีญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ผู้แทนสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม 50 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นายอนุสิษฐ กล่าวรายงานการประชุมว่า นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม และตระหนักสำคัญถึงงานด้านความมั่นคงทั้งมิติ ภายในและนอกประเทศ โดยมีสาระสำคัญงานความมั่นคงในกรอบนโยบาย 2 ส่วน คือ นโยบายเสริมสร้างความมั่นคงที่เป็นแกนหลักของชาติ เช่น การสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ การสร้างความเป็นธรรมปรองดอง และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติทั่วไป 13 ประการ เช่น นโยบายจัดระบบบริหารจัดการชายแดน นโยบายปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า งานด้านความมั่นคงในปัจจุบันมีหลายมิติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชน ความเหลื่อมล้ำ ภัยแล้ง ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลทำงานหนักมากในเรื่องความมั่นคง ทั้งในเรื่องของต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู. ที่ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารไปดำเนินการ ตลอดจนการแก้ไปปัญหาการค้ามนุษย์ ที่มอบให้ตำรวจ และทหาร ดำเนินการ
ดังนั้นงานทางด้านความมั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ ทหาร เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด เพื่อสร้างรากฐานกับประเทศต่อไป และทางนายกฯ ได้วางโรดแมปในการทำงาน และ ในระหว่าง ร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯได้พยายามแก้ปัญหาของชาติในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ที่ทั่วโลกประสบอยู่ และตระหนักดี ซึ่งทางรัฐบาลพยายามที่จะดูแลเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้ เพื่อสร้างรากฐานให้ประเทศ ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
จึงอยากให้หัวหน้าส่วนราชการ เอางานด้านความมั่นคงทุกมิติ ไปพัฒนา ให้เกิดความมั่นคง แม้แต่กรณี การเรียกร้องแรงงานขั้นต่ำ เป็น 360 บาท ถ้าหากเราปรับเปลี่ยนแบบ สะเปะ สะปะ รับรองได้ว่าต่อไปโรงงานในประเทศไทยไม่มี ต้องย้ายไปทำที่อื่นกันหมด จึงอยากให้ทุกท่าน รับรู้ และนำประชาชนมามีส่วนร่วมในการสร้างรากฐานงานด้านความมั่นคงของประเทศ ตนจะยกตัวอย่างงานที่เห็นได้ชัดเจน คือ การทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ มีความเข้าใจ ในการทำงาน และรู้ว่า การทำความเข้าใจกับประชาชนให้มามีส่วนร่วม จะทำให้งานประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ที่นายกฯ กำลังดำเนินการอยู่ ถือว่าเป็นการสร้างพื้นฐานการคมนาคม ในการเคลื่อนย้ายประชาชนในอนาคต และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว เวียดนาม จีน มาเลเซีย เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกท่านเป็นข้าราชการประจำ ที่มีความสำคัญทุกหน่วยงาน ต้องช่วยกันผลักดันให้นโยบายของทางรัฐบาลสัมฤทธิ์ผล เพราะอาศัยทางรัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถทำได้หากไม่มีข้าราชการคอยช่วย
อย่างไรก็ตาม ทางสมช. ได้กำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติฉบับบนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้จัดทำแผนงาน โครงการ และนำสรรพกำลังทุกส่วนไปสนับสนุนงานด้านความมั่นคง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยนโยบายและแผนงานความมั่นคงแห่งชาติฉบับบนี้ครอบคุมทั้ง 16 หัวข้อ โดยมีกรอบการดำเนินงาน 7 ปี จึงขอให้ส่วนราชการจงตระหนักในมิติความมั่นคง 4 ปนะการ
1. ความมั่นคงที่เป็นรากฐานของประเทศให้ประเมินสถานการทั้งในและนอกแนะเทศตลอดเวลา พร้อมทั้งกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ แผนงานที่เหมาะสม เมื่อประเทศมั่นคงก็จะเกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานหาวิธีทางเพื่อให้เกิดพลังสนันสนุน เช่นการสร้างความสามัคคี ความปรองดอง การเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์
2. รัฐบาลให้ความสำคัญในการนำพาประเทศให้มีความก้าวหน้าบนพื้นฐานของประเทศที่มั่นคง ประชาชนอยู่ดีกินดี ขอให้ทุกหน่วยงานได้ตระหนักถึงความสำคัญ ให้ทำแผนการปฎิบัติงาน ในระดับกระทรวง ทบวง กรม จนถึงระดับท้องถิ่น บูรณาการงานภายใต้การกำกับดูแลของหน่วงานหลัก
3. ให้ความสำคัญเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ให้สงคมสงบสุข ให้ตระหนักถึง การเฝ้าระวังป้องกันเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนการจัดการงานด้านชายแดนทั้งทางบก และทางอากาศ
4. ให้ความสำสัญมิติงานด้านการต่างประเทศ เน้นการสร้างตวามสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านระหว่างประเทศ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ
พล.อ.ประวิตร กล่าวในตอนท้าย ว่า ขอให้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญในมิติดด้านความมั่นคง และผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในช่วงเปลียนผ่าน ขอให้สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนให้กับประชาชนในทุกแขนงให้เข้าใจว่าในปัจจุบันรัฐบาลกำลังกำลังแก้ปัญหา และเดินตามเดินตามโรดแมป แต่ก็ยังมีการออกมาเคลื่อนไหว ขอว่าอย่าพึ่งออกมาเราขอเวลา แค่ปีเศษในการทำงาน แล้วเมื่อรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ มีการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดต่อไปก็มาสานต่อ ขอให้ทุกคนได้เข้าใจ และทราบว่า นายกและตนเข้ามาทำงานไม่ใช่ต้องการอำนาจ หรือผลประโยชน์ ถ้ามีใคร มากล่าวอ้างว่า โครงการนี้เป็นของตนให้เอาตัวมาเพราะเราทุกคนทำเพื่อประเทศ
นายอนุสิษฐ กล่าวรายงานการประชุมว่า นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม และตระหนักสำคัญถึงงานด้านความมั่นคงทั้งมิติ ภายในและนอกประเทศ โดยมีสาระสำคัญงานความมั่นคงในกรอบนโยบาย 2 ส่วน คือ นโยบายเสริมสร้างความมั่นคงที่เป็นแกนหลักของชาติ เช่น การสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ การสร้างความเป็นธรรมปรองดอง และนโยบายความมั่นคงแห่งชาติทั่วไป 13 ประการ เช่น นโยบายจัดระบบบริหารจัดการชายแดน นโยบายปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า งานด้านความมั่นคงในปัจจุบันมีหลายมิติ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชน ความเหลื่อมล้ำ ภัยแล้ง ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลทำงานหนักมากในเรื่องความมั่นคง ทั้งในเรื่องของต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู. ที่ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารไปดำเนินการ ตลอดจนการแก้ไปปัญหาการค้ามนุษย์ ที่มอบให้ตำรวจ และทหาร ดำเนินการ
ดังนั้นงานทางด้านความมั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ ทหาร เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด เพื่อสร้างรากฐานกับประเทศต่อไป และทางนายกฯ ได้วางโรดแมปในการทำงาน และ ในระหว่าง ร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯได้พยายามแก้ปัญหาของชาติในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ที่ทั่วโลกประสบอยู่ และตระหนักดี ซึ่งทางรัฐบาลพยายามที่จะดูแลเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้ เพื่อสร้างรากฐานให้ประเทศ ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
จึงอยากให้หัวหน้าส่วนราชการ เอางานด้านความมั่นคงทุกมิติ ไปพัฒนา ให้เกิดความมั่นคง แม้แต่กรณี การเรียกร้องแรงงานขั้นต่ำ เป็น 360 บาท ถ้าหากเราปรับเปลี่ยนแบบ สะเปะ สะปะ รับรองได้ว่าต่อไปโรงงานในประเทศไทยไม่มี ต้องย้ายไปทำที่อื่นกันหมด จึงอยากให้ทุกท่าน รับรู้ และนำประชาชนมามีส่วนร่วมในการสร้างรากฐานงานด้านความมั่นคงของประเทศ ตนจะยกตัวอย่างงานที่เห็นได้ชัดเจน คือ การทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ มีความเข้าใจ ในการทำงาน และรู้ว่า การทำความเข้าใจกับประชาชนให้มามีส่วนร่วม จะทำให้งานประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ที่นายกฯ กำลังดำเนินการอยู่ ถือว่าเป็นการสร้างพื้นฐานการคมนาคม ในการเคลื่อนย้ายประชาชนในอนาคต และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว เวียดนาม จีน มาเลเซีย เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกท่านเป็นข้าราชการประจำ ที่มีความสำคัญทุกหน่วยงาน ต้องช่วยกันผลักดันให้นโยบายของทางรัฐบาลสัมฤทธิ์ผล เพราะอาศัยทางรัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถทำได้หากไม่มีข้าราชการคอยช่วย
อย่างไรก็ตาม ทางสมช. ได้กำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติฉบับบนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้จัดทำแผนงาน โครงการ และนำสรรพกำลังทุกส่วนไปสนับสนุนงานด้านความมั่นคง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยนโยบายและแผนงานความมั่นคงแห่งชาติฉบับบนี้ครอบคุมทั้ง 16 หัวข้อ โดยมีกรอบการดำเนินงาน 7 ปี จึงขอให้ส่วนราชการจงตระหนักในมิติความมั่นคง 4 ปนะการ
1. ความมั่นคงที่เป็นรากฐานของประเทศให้ประเมินสถานการทั้งในและนอกแนะเทศตลอดเวลา พร้อมทั้งกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์ แผนงานที่เหมาะสม เมื่อประเทศมั่นคงก็จะเกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานหาวิธีทางเพื่อให้เกิดพลังสนันสนุน เช่นการสร้างความสามัคคี ความปรองดอง การเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์
2. รัฐบาลให้ความสำคัญในการนำพาประเทศให้มีความก้าวหน้าบนพื้นฐานของประเทศที่มั่นคง ประชาชนอยู่ดีกินดี ขอให้ทุกหน่วยงานได้ตระหนักถึงความสำคัญ ให้ทำแผนการปฎิบัติงาน ในระดับกระทรวง ทบวง กรม จนถึงระดับท้องถิ่น บูรณาการงานภายใต้การกำกับดูแลของหน่วงานหลัก
3. ให้ความสำคัญเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ให้สงคมสงบสุข ให้ตระหนักถึง การเฝ้าระวังป้องกันเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนการจัดการงานด้านชายแดนทั้งทางบก และทางอากาศ
4. ให้ความสำสัญมิติงานด้านการต่างประเทศ เน้นการสร้างตวามสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านระหว่างประเทศ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ
พล.อ.ประวิตร กล่าวในตอนท้าย ว่า ขอให้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญในมิติดด้านความมั่นคง และผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในช่วงเปลียนผ่าน ขอให้สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนให้กับประชาชนในทุกแขนงให้เข้าใจว่าในปัจจุบันรัฐบาลกำลังกำลังแก้ปัญหา และเดินตามเดินตามโรดแมป แต่ก็ยังมีการออกมาเคลื่อนไหว ขอว่าอย่าพึ่งออกมาเราขอเวลา แค่ปีเศษในการทำงาน แล้วเมื่อรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ มีการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดต่อไปก็มาสานต่อ ขอให้ทุกคนได้เข้าใจ และทราบว่า นายกและตนเข้ามาทำงานไม่ใช่ต้องการอำนาจ หรือผลประโยชน์ ถ้ามีใคร มากล่าวอ้างว่า โครงการนี้เป็นของตนให้เอาตัวมาเพราะเราทุกคนทำเพื่อประเทศ