xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กโด่ง” มอบนาฬิกาใช้ละหมาดรอมฎอน ลั่นฟันหนักปืน อส.หาย พร้อมรับน้ำท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
“อุดมเดช” มอบนาฬิกาเพื่อดูเวลาละหมาด ในโครงการ “คืนสันติสุขสู่แดนใต้” ยันไม่ทอดทิ้ง มุ่งพัฒนาสร้างความเข้าใจ อำนวยความสะดวกดูแลความปลอภัยช่วงรอมฎอน ชี้ต้องสอบละเอียดปืน อส.โคราชหาย พร้อมลงโทษหนักวินัย-อาญา ปัดอุ้มใคร เผยเหล่าทัพประสานร่วมมือช่วยประชาชน หากเกิดน้ำท่วมทุกพื้นที่ แจงมีแผนรองรับพร้อมปฏิบัติทันที ทั้งกำลังพล-ยุทโธปกรณ์เคลื่อนย้ายช่วยเหลือ

วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) เป็นประธานรับมอบสื่อส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องชาวมุสลิม โดยเฉพาะนาฬิกาเพื่อดูเวลาละหมาด ในโครงการ “คืนสันติสุขสู่แดนใต้” ครั้งนี้ที่ 7 จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน 22 หน่วยงาน โดยมี พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ กอ.รมน. รวมทั้งนายทหารระดับสูงของกองทัพบก และ กอ.รมน.เข้าร่วม

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า กองทัพบก และ กอ.รมน.มีความยินดีที่โครงการดังกล่าวดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 ถือว่าเป็นการแสดงออกในการให้การสนับสนุนในส่วนงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงยุทธศาสตร์ของ กอ.รมน.ในการให้ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อให้กำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยการมอบเครื่องมือเครื่องใช้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอนที่จะต้องใช้นาฬิกาเพื่อดูเวลา สิ่งที่เราดำเนินการจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้คนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตนขอขอบคุณทุกหน่วยงานจากใจ และยืนยันว่าเราจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ยังคงมุ่งมั่นด้านการพัฒนาควบคู่กับการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงทางทหาร สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมงานด้านต่างๆ ของเราให้ดีขึ้น และเจ้าหน้าที่จะพยายามสร้างความเข้าใจให้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรู้สึกที่ดีขึ้น หวังว่าปีต่อไปทุกหน่วยงานจะมาช่วยเหลือสังคมแบบนี้อีก

ส่วนการดูแลสถานการณ์ในช่วงเดือนรอมฎอน พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ตนให้แนวทางกับเจ้าหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจของประชาชนในพื้นที่ที่นับถือศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยไม่ให้มีช่องว่างตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครฝ่ายพลเรือนต่างๆ ช่วยกันดูแลร่วมกัน

พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวลือว่าอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวนเกือบ 100 กระบอก ที่อยู่ในความดูแลของกองอาสารักษาดินแดน จ.นครราชสีมาที่ 1 สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของทหารนั้นต้องดำเนินการสืบสวนสอบและลงโทษอย่างรุนแรง ทุกเรื่องต้องมีความชัดเจนว่าเกิดจากอะไร และใครเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งผู้ที่กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญา ซึ่งในปีนี้มีการกวดขันเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก แต่หากยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่ดีดำเนินการหาผลประโยชน์ในสิ่งเหล่านั้น ทางกองทัพก็จะไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องที่ผิดกฎหมายกองทัพบกไม่เคยเข้าไปรับรองคนที่กระทำความผิด แต่บางกรณียังไม่ได้รับการพิสูจน์ที่ชัดเจน ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามระเบียบของกองทัพที่ต้องเข้าไปดูแลบางคดีตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือปล่อยปละละเลยในสิ่งต่างๆที่เป็นความผิด ส่วนปืนที่นำเข้ามาก่อเหตุต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่พบว่าเป็นปืนที่ลักลอบนำเข้ามาจากบริเวณพื้นที่ชายแดน

พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อถึงการดูแลช่วยเหลือประชาชนในช่วงฤดูฝนที่อาจเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เพราะหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราจึงได้มีแผนในการปฏิบัติ เช่นเหตุการณ์น้ำท่วมขัง กทม. เมื่อช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทางทหารก็ออกไปช่วยเหลือดำเนินการ และเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ได้มีการประชุมโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังใน กทม. ซึ่งตนได้มอบให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม โดยสรุปคือทางกองทัพได้มีการจัดทำแผน หากเกิดเหตุการณ์สามารถปฏิบัติได้ทันที โดยเฉพาะการจัดรถบรรทุกขนาดใหญ่ในเส้นทางที่น้ำท่วม และเกิดปัญหาเรื่องการจาจรหรือการเดินทางไม่สะดวก ก็จะนำรถเข้าไปช่วยขนย้าย อีกทั้งส่งเจ้าหน้าที่ช่างและกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือขนย้ายรถยนต์ที่เกิดปัญหาจากน้ำท่วมหลบเข้าข้างทาง เพื่อระบายรถให้เร็วขึ้น ซึ่งถ้าเราเห็นว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอเราก็จะจัดกำลังเข้าไปเสริม ทั้งหมดนี้ทางทหารจะดำเนินการโดยทันที ถ้าเกิดเหตุน้ำท่วม เพราะได้มีการประชุมกับทางกระทรวงมหาดไทย เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

“หากมีการร้องขอกำลังพลจาก กทม. หรือหน่วยงานใดๆ ก็ตาม ผมยินดีที่จะเข้าไปช่วย ผมได้ให้นโยบายผู้ที่รับผิดชอบงานไปแล้ว ไม่เป็นเพียงกองทัพบกเท่านั้น เราได้มีการประสานงานเหล่าทัพไว้แล้ว หากมีเหตุการณ์เกิดที่พื้นที่ใกล้กับกองทัพอากาศหรือพื้นที่ของกองทัพเรือก็ช่วยกันรับผิดชอบ ทุกเหล่าทัพพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ได้มอบให้ช่วยเหลือในภาพรวม ซึ่งเหล่าทัพก็ได้มีการประสานกันและเตรียมการไว้แล้ว” พล.อ.อุดมเดชกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น