xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” แจงรัฐบาลชุดนี้ไม่กู้ฟุ่มเฟือย ใช้เงินตามแผนงาน สั่งลุยพัฒนากีฬา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด (แฟ้มภาพ)
นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานสร้างความเข้าใจประชาชน รัฐบาลใช้เงินตามแผนงาน ไม่กู้ฟุ่มเฟือยเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา ขณะเดียวกันให้พัฒนากีฬาเต็มที่ ตั้งสาขาสมาคมกีฬาต่างๆ ตามภูมิภาค ปลื้ม “ไทยเฟค-เวิลด์ ออฟ ฟูด” ฉลุย แนะจัดตามภูมิภาคต่างๆ พร้อมสั่งหน่วยงานมั่นคง - ประสาน ศธ.หาแนวทางแก้อาชีวะแบ่งสถาบันตีกัน

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงใหม่ วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแหงชาติ (คสช.) เป็นประธานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ครม.ให้ทุกหน่วยงานไปสร้างความเข้าใจเพิ่มเติมถึงการปฏิบัติของรัฐบาลชุดนี้ ที่แตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การจัดทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เรื่องสาธารณูปโภค และการคมนาคมขนส่ง สมัยก่อนเวลาจะทำโครงการอะไร จะกู้เงินทั้งหมดมา แม้จะทำทันหรือไม่ทันในปีเดียวก็ตาม แต่รัฐบาลชุดนี้จะวางแผนการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งระยะสุดท้าย โดยเงินที่นำมาใช้ ทั้งเงินกู้ หรือเงินงบประมาณประจำปี จะดำเนินการเฉพาะช่วงที่รัฐบาลบริหารจัดการอยู่เท่านั้น ไม่ได้กู้เงินก้อนมาใช้เองคนเดียวทั้งหมด

พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ในการประชุม ครม. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันในที่ประชุมว่า ยังมั่นใจว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทยปีนี้จะยังอยู่ที่จำนวน 28.8 ล้านคน และตัวเลขวงเงินใช้จ่าย 2.2ล้านล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้

ส่วนในเรื่องของกีฬาของไทยนั้นจะพบว่าวันนี้ประสบความสำเร็จมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า สมัยก่อนการกีฬาของประเทศไทยจะเก่งในประเภทที่เล่นเป็นตัวบุคคล หรือตัวคนเดียว แต่ถ้ากีฬาที่เป็นทีมเรามักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่ในวันนี้กลับสวนทางไปจากเดิม คือกีฬาที่เล่นเป็นทีมประสบความสำเร็จมากขึ้น แต่กีฬาที่เล่นคนเดียวกลับสู้คนอื่นได้น้อยลง

“นายกฯ จึงให้แนวทางว่า ปัจจุบันสมาคมกีฬาส่วนใหญ่มักอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนกลางเป็นส่วนใหญ่ ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงควรไปจัดตั้งสาขาของสมาคมกีฬาในพื้นที่ภูมิภาค เพื่อให้เกิดการคัดเลือกนักกีฬาจากภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจะได้นักกีฬาที่มีความสามารถมากขึ้น ทั้งในส่วนภูมิภาค ส่วนกลางให้เอามาแข่งขันกัน จนกระทั่งได้นักกีฬาที่เป็นตัวแทนในนามทีมชาติ น่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้”

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดการแสดงสินค้าอาหาร ไทยเฟค-เวิลด์ ออฟ ฟูดเอเชีย ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสไปเยี่ยมชมงานและพบว่าเป็นความสำเร็จ และมีผู้สนใจจำนวนมาก จึงสั่งการ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ จัดงานลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่ภูมิภาคด้วย เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของกิจกรรมไปในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และสินค้าต่างๆ ที่ส่วนใหญ่มากจากภูมิภาคต่างๆ ให้มีการตื่นตัวมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงานในที่ประชุมว่า ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม จะมีการจัดงานดังกล่าวที่ จ.สุราษฎร์ธานี และในเดือนปลายสิงหาคม จะจัดที่ จ.เชียงใหม่ และจะจัดต่อไปให้ครบทุกภูมิภาค

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่ออีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเรียนในหลักสูตรอาชีวศึกษาอย่างมาก ทั้งการพยายามพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้ตอบโจทย์ของยุคสมัยปัจจุบัน โดยอาศัยโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหลักสูตร เพื่อผลิตนักเรียนอาชีวะให้ตรงกับความต้องการของตลาด จบแล้วสามารถมีงานทำได้เลย นอกจากนี้ยังมีความต้องการจะนำหลักการเรียนการสอนของนักศึกษาอาชีวะไปจุดประกายให้นักเรียนมัธยมด้วย นี่คือนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสพบรายงานชิ้นหนึ่งจากรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอให้เห็นว่าในปัจจุบันการใช้ชีวิตของนักศึกษาอาชีวะเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยก่อนออกจากบ้านต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดหนึ่ง และนำชุดเครื่องแบบนักศึกษาใส่กระเป๋าแบบหลบซ่อน เมื่อไปถึงวิทยาลัยแล้วจึงเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบนักศึกษา และเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนต้องกลับบ้านก็ต้องให้ครูและอาจารย์ไปดูต้นทางว่าปลอดภัยหรือไม่ แล้วเดินทางกลับบ้านด้วยชุดที่ใส่มาตอนเช้า และนำเครื่องแบบนักศึกษาใส่กระเป๋า

“ท่านนายกฯ บอกว่า แบบนี้มันไม่ได้ เราพยายามพัฒนาหลักสูตรให้ดีขึ้น ให้ตอบโจทย์ความต้องการสังคม แต่ชีวิตการเดินทางไปเรียนเป็นชีวิตที่น่าสงสาร จะปล่อยอย่างนี้ไม่ได้ ฉะนั้นจึงมอบหมายให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการดูในเรื่องนี้ด้วย นอกเหนือจากดูเรื่องหลักสูตร จะต้องทำให้สถาบันอาชีวะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน เป็นนักเรียนอาชีวะเหมือนกัน ไม่แยกสถาบันการศึกษา มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิต เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักเรียนอยากเข้ามาเรียนสายอาชีวะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น