บีบีซีไทย อ้างคำพูด “ศรัณย์ ฉุยฉาย” หรือ “อั้ม เนโกะ” ผู้ต้องหากระทำผิดตามคดีความมั่นคง มาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ได้สถานะผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศสแล้ว! อ้าง “จรัล ดิษฐาภิชัย - สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ก็ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศสเช่นกัน เผยคำพูด “อั้ม เนโกะ” ผ่านสื่อพูดอย่างไร ถึงแผนชีวิตที่ดูเป็นแผนระยะยาวในฝรั่งเศส
วันนี้ (27 มิ.ย.) มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก สำนักข่าวบีบีซีไทย - BBC Thai ได้รายงานถึงสถานะล่าสุดของ นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” ผู้ต้องหากระทำผิดตามคดีความมั่นคง มาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในการกล่าวพาดพิงสถาบันฯ และวิจารณ์สถาบันฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
บีบีซีไทย ให้หัวข่าวว่า “อั้ม เนโกะ ได้สถานะผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศสแล้ว”
ตามรายงานระบุว่า ศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” เปิดเผยกับบีบีซีไทย ว่า ตนเองได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยได้ใช้เวลาประมาณ 7 เดือน นับตั้งแต่สมัครขอสถานะผ่านองค์กรช่วยเหลือของฝรั่งเศส
อั้ม เนโกะ เปิดเผยว่า ขั้นตอนการขอลี้ภัยส่วนหนึ่งที่ต้องดำเนินการ คือ การสัมภาษณ์ ซึ่งคำถามที่ถูกทางการฝรั่งเศสสอบถามส่วนหนึ่ง คือ วิธีที่ใช้เพื่อทำให้เดินทางมาถึงฝรั่งเศส สถานการณ์ในประเทศไทยมีผลกระทบต่อตัวเองอย่างไร ถูกออกหมายจับ ถูกคุกคาม หรือมีความกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี ทรมาน หรือปฏิบัติอย่างไม่ชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งในกรณีของตนเข้าข่ายดังกล่าว
ทั้งนี้ อั้ม เนโกะ เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกระบุว่ากระทำผิดตามคดีความมั่นคง มาตรา 112 ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ จำนวน 31 คน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในการกล่าวพาดพิงสถาบันฯ และวิจารณ์สถาบันฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
อั้ม เนโกะ เป็นบุคคลที่สองที่อยู่ในบัญชีผู้กระทำความผิดดังกล่าว และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส โดย นายจรัล ดิษฐาภิชัย ได้รับสถานะก่อนหน้านี้ ขณะที่มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชี ก็ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศสเช่นกัน
สำหรับ นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2557 ศาลทหารกรุงเทพฯได้อนุมัติหมายจับ กรณีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. กรณีไม่มารายงานตัวภายในกำหนดเพิ่มเติมอีก 17 รายแล้ว ซึ่งมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำร้องของกองบังคับการปราบปราม ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ยื่นคำร้องไว้ โดยรายชื่อผู้ที่ศาลทหารออกหมายจับทั้ง 17 คน นอกจาก นายศรัณย์ ยังประกอบไปด้วย นายสุนัย จุลพงศธร นายณัฐ สัตยาภรณ์พิสุทธิ์ นายธีร์ บริรักษ์ นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ นายชัยอนันต์ ไผ่สีทอง นายพฤทธ์นรินทร์ ธนบริบูรณ์สุข นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นาวาอากาศตรี ชรินทร์ คล้ายคลึง นายนิธิวัต วรรณศิริ นายไตรรงค์ สินสืบผล นายชฤต โยนกนาคพันธุ์ และ นายวัฒน์ วรรลยางกูร
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตำแหน่งขณะนั้น) กล่าวถึงกรณีนายศรัณย์ ว่า ได้รับรายงาแล้ว ซึ่งยืนยันว่า นายศรัณย์ ฉุยฉาย ได้เดินทางออกไปต่างประเทศแล้ว จึงได้กำชับให้ทีมสืบสวนเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี เนื่องจากนายศรัณย์ ฉุยฉาย มีหมายจับอยู่หลายคดี แต่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว และมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันซ้ำซาก หากถูกจับได้จะถูกลงโทษสถานหนัก ในข้อหากระทำความผิดตาม มาตรา 112 และข้อหาอื่นอีกหลายคดี
ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เฝ้าระวังและติดตามการเคลื่อนไหวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network) อย่างใกล้ชิด ส่วนการบล็อก (ปิด) เฟซบุ๊กนั้น ได้สั่งย้ำให้ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้นไปอีก เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลที่กระทำความผิดมีช่องทางในการโพสต์ข้อความในลักษณะดังกล่าวอีก
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 เว็บไซต์ประชาไท ได้เผยแพร่คลิปบทสัมภาษณ์นายศรัณย์ จากประเทศฝรั่งเศส โดยไม่ระบุเมืองในช่วงเดือนเมษายน
https://www.youtube.com/watch?t=14&v=5RAdZhWn8X0
ตอนหนึ่งระบุว่า เฟซบุ๊ก “อั้ม เนโกะ” ของเธอถูกเฟซบุ๊กปิดไปหลังจากตรวจพบว่า ไม่ใช่ชื่อจริง และ อั้มปฏิเสธที่จะใช้ชื่อจริงของเธอ จึงสร้างบัญชีเฟซบุ๊กขึ้นใหม่ แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยที่นี่ได้ด้วยข้อจำกัดจากกฎหมาย มาตรา 112
โดย นายศรัณย์ มีพฤติกรรมที่แปลกแยกจากสังคมทั่วไป เช่น การโพสท่ากับรูปปั้น ปรีดี พนงยงค์ รณรงค์ยกเลิกการบังคับใส่ชุดนักศึกษา ด้วยการแต่งตัววาบหวิวและการแสดงความคิดทางการเมืองจนมีการล่าชื่อภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อขับไล่ ร่วมกับ “จ่านิว” ไปชักธงดำขึ้นยอดโดมแทนธงชาติ เพื่อประทวงอธิการบดี
หลังจากถูกออกหมายจับในข้อหาไม่รายงานตัวเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2557 ได้หนีไปประเทศเพื่อนบ้านและนั่งเครื่องบินมายังฝรั่งเศสในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2557 ระหว่างการเปลี่ยนเครื่องบินที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เล่าว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้มารอเธอถึงงวงเครื่องบิน และบอกว่า เธออยู่ในรายชื่อ “อาชญากร” ที่ทางการไทยส่งมา อั้มแอบเห็นชื่อของคนอื่นๆ ที่ชื่อภาษาอังกฤษขึ้นต้นด้วยตัว S เหมือนกันว่ามีชื่อ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ สุดา รังกุพันธุ์ อยู่ด้วย
เธออธิบายให้ตำรวจเกาหลีฟังว่า เธอเป็นเพียงผู้เห็นต่างจากรัฐ และตอนนี้ประเทศไทยก็อยู่ใต้เผด็จการเหมือนกับประเทศเกาหลีเหนือ ตำรวจเกาหลีก็ปล่อยให้เธอขึ้นเครื่องต่อมายังฝรั่งเศส ในช่วงอยู่ในฝรั่งเศส ได้ร่วมกับ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ที่หลบหนีเช่นกันทำกิจกรรมต่างๆ
“อั้มพูดถึงแผนชีวิตที่ดูเป็นแผนระยะยาวทีเดียว ฉันถามว่า แล้วเธอยังอยากจะกลับไทยไหม เธอว่า เธออาจจะกลับ เมื่อมีการเปลี่ยนผ่าน........ และมีการยกเลิกมาตรา 112 “ไม่คิดถึงบ้านหรอ” ฉันถาม “ไม่อ่ะค่ะ” อั้มตอบ “คิดถูกที่หนีมา เพราะมองว่า การที่อยู่ในสภาพสังคมที่ต้องปิดหูปิดตาตัวเองนั้นอึดอัด และน่าขยะแขยง” เว็บไซต์ประชาไท ระบุ