xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิรูปกลาโหม 10 ปี ปรับโครงสร้าง-พึ่งตัวเอง ยันทำเหมือนกระทรวงอื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
ที่ประชุมสภากลาโหม พิจารณาแผนแม่บทการปฏิรูปโครงสร้างกระทรวงกลาโหมระยะ 10 ปี ดำเนินการ 2 ส่วน เน้นบริหารจัดการ และปรับโครงสร้างองค์กร ให้ทัดเทียมกับภูมิภาค “ประวิตร” สั่งเน้นพร้อมรบทุกด้าน ป้องกันประเทศ และสนับสนุนนโยบายรัฐ เข้าสู่ประชาคมอาเซียน ก่อนพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน จัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ยืนยันปฏิรูปตัวเองเหมือนกระทรวงอื่น

วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม 2558 - 2567 ระยะเวลา 10 ปี เพื่อสอดรับกับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ สถานการณ์ในภูมิภาค สถานการณ์ระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการยุคใหม่ โดยเน้นความคล่องตัว ทันสมัย ปฏิบัติภารกิจที่มีความหลากหลายได้ ทั้งนี้ เพื่อให้กระทรวงกลาโหมมีการปฏิรูปไปในทิศทางเดียวกัน มีความเป็นเอกภาพทั้งทางความคิด และการปฏิบัติ โดยดำเนินการเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นการบริหารจัดการ เน้นผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงาน ตอบสนองเป้าหมายและวิสัยทัศน์ โดยปรับปรุงทั้ง 17 ระบบงาน โดยนำเทคโนโลยี สารสนเทศ การสื่อสาร มีการบูรณาการมากขึ้นของเหล่าทัพ ส่วนที่สอง เป็นการปรับโครงสร้าง ปรับ โอน แปรสภาพ ยุบเลิก ปรับมาตรฐาน และเพิ่มความสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถกองทัพให้ทัดเทียมในภูมิภาค

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการพิจารณาอย่างหลากหลาย โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายที่ประชุมว่าให้ดำเนินการเร่งด่วนในการปรับความสมบูรณ์ของแผน 5 ปีแรก ก่อนที่จะดำเนินการปรับโครงสร้างใน 5 ปีหลัง สอดรับกับการบริหารราชการยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นความคล่องตัว ความทันสมัย ตอบสนองความหลากหลายมากขึ้น โดย พล.อ.ประวิตร ได้ให้นโยบายว่าในปี 2558 ให้มุ่งเน้นเสริมสร้างความพร้อมรบทุกด้าน และ ดำรงขีดความสามารถของกองทัพให้สามารถปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศ และการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รวมถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการปฏิรูปประเทศ รวมถึงการเตรียมความพร้อมกองทัพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ส่วนปี 2559 จะพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจให้หลากหลายมากขึ้น เสริมสร้างให้เป็นกองทัพเอนกประสงค์ มีความสามารถในการรบผสมเหล่า มีระบบควบคุมอำนวยการยุทธ์ที่คล่องตัว สามารถปฏิบัติรองรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการบริหารจัดการชายแดนเพื่อเสริมสร้างสันติสุขให้ประชาชนตามแนวชายแดน โดยเน้นย้ำเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ปี 2560 เป็นการพัฒนาศักยภาพกองทัพโดยนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง ได้อย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาระบบกำลังสำรอง อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การวิจัยพัฒนายุทโธปกรณ์เพื่อดำรงสภาพการใช้งาน

ในปี 2561 เน้นการพัฒนาศักยภาพของกองทัพไปสู่ความทันสมัย การจัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อทดแทนของเก่าที่เสื่อมสภาพ รวมทั้งปรับให้สอดรับกับหลักนิยม ภารกิจ สภาพแวดล้อมทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็น และขีดความสามารถทางด้านงบประมาณด้วย ส่วนปี 2562 เน้นการปรับปรุงโครงสร้างกำลังกองทัพในระยะต่อไป โดยกำหนดแนวความคิดการพัฒนาเสริมสร้างกำลังกองทัพ เพื่อให้สามารถรองรับภัยคุกคามได้ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว รวมทั้งมีรูปแบบโครงสร้างการจัดหน่วยที่เหมาะสม กับการบังคับบัญชาด้วย โดยหลังจากปรับ 5 ปีแรกแล้วจะนำไปสู่การปรับปรุงโครงสร้างให้สอดรับกับการบริหารราชการยุคใหม่ ทั้งนี้ เป็นการปฏิรูปกองทัพ เป็นการปฏิรูปตัวเองเหมือนที่กระทรวง ทบวงกรมอื่นดำเนินการ ส่วนการปรับลดกำลังพล จะดำเนินการในส่วนของโครงสร้าง ซึ่งเหล่าทัพจะได้กลับไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น