นายกรัฐมนตรีเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ หวังจบในรัฐบาลนี้ พร้อมให้ความร่วมมือองค์กรต่างชาติ ขอทุกฝ่ายเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ย้ำแก้ปัญหาไม่เกรงใจใคร ชี้ประชาชนมีอำนาจใหญ่สุด ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ต้องเลือกรัฐบาลที่ดี ก้าวพ้นกับดักประชาธิปไตย
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (5 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2558 พร้อมบริจาคเงินให้ “โครงการรวมใจไทย ต้านค้ามนุษย์” และมอบรางวัลผู้ปฏิบัติงานดีเด่น และสื่อมวลชนที่ได้รับรางวัลในการประกวดผลงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการค้ามนุษย์มีมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบในทุกด้านทั้งสิทธิเสรีภาพความเป็นมนุษย์ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ส่งผลลดความเชื่อมั่นการค้าการลงทุน และกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ทุกหน่วยราชการต้องดำเนินให้ชัดเจนมีผลสัมฤทธิ์มากขึ้น เวลานี้กฎหมายมีอยู่แล้วแต่ไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ เรื่องใดก็ตามที่มีการจัดสรรผลประโยชน์ด้วยคนกลางถือว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ต้องกำจัดไม่ให้มีที่ยืนในแผ่นดิน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานใดก็ตาม รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาและพร้อมให้ความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้นตอของปัญหาการค้ามนุษย์ คือ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ในวันหน้าโลกไร้พรมแดนจะมีปัญหามากขึ้น เราต้องแก้ปัญหาให้ประเทศมหาอำนาจยอมรับโดยต้องแก้ปัญหา 2 ส่วน คือ แรงงานต่างด้าว และพัฒนาแรงงานในประเทศ และสิ่งสำคัญคือต้องดูแลเหยื่อที่เกิดจากการค้ามนุษย์ สร้างอาชีพให้กลับสู่สังคม การทำงานวันนี้เราบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ พบว่าปัญหาเกิดมานานจากคนกลุ่มหนึ่งและเจ้าหน้าที่กลุ่มเดิม คนเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และตนก็ไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้เพราะเข้ามาเป็นรัฐบาลในเวลานี้ รวมถึงการกวาดล้างธุรกิจสีเทาต้องกำจัดให้หมด วันนี้ต้องปรับปรุงข้อกฎหมาย ข้อบังคับ กฎกระทรวงต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราไม่อยากบังคับใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างความเข้าใจและชี้แจงเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐขัดแย้งกับประชาชน เราต้องทำอย่างไรให้กฎหมายน้อยลง แต่พัฒนาคนมากขึ้น นอกจากนี้สังคมต้องร่วมกันเชื่อมโยงกันทั้งหมด ในการขจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องในโลกใบนี้ ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมในยุคนี้ โดยตนได้ย้ำมาหลายครั้งไม่ว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่รัฐหรือพลเรือน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่บกพร่องต้องถูกลงโทษ ทั้งวินัยราชการและอาญา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 2-3 เดือนที่ผ่านมามีการสอบสวน หาเครือข่าย เพราะมีผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก
“ถ้าประชาชนทุกคนและทุกประเทศแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการขจัดการค้ามนุษย์และสิ่งผิดกฎหมาย เท่ากับว่าเราช่วยกันแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ผมพร้อมรับปัญหามาแก้ไขในภาพรวม ไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ปัญหาเหล่านี้เราต้องช่วยต้นทางด้วย ไม่ใช่โยนปัญหา ต้องเข้าใจว่าเราทำหน้าที่ในส่วนหนึ่งของประชาคมโลกอยู่แล้วในยุคนี้อยากให้ทุกคนเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งระบบ การได้เงินโดยไม่สุจริตถือเป็นบาปกรรม ขอให้เข้มงวดกันมากขึ้น ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ ขอทาน ธุรกิจสีเทา ต้องจัดระเบียบอย่าให้กระทบประชาชน วันนี้หลายคนบ่นว่า อยากให้เงินขอทานแต่ขอทานหายไปไหนหมด หาว่ารัฐบาลใจดำ แล้วกลับมาเล่นงานผมอีก อยากให้เข้าใจว่าเอาไปฝึกอาชีพ เพราะต้องฝึกให้เขาสร้างรายได้”
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนในฐานะรัฐบาลต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และทุกหน่วยงานดำเนินการในเรื่องนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องทำต่อ อย่างไรก็ตามตนหวังว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์จะดีจขึ้นในปีนี้ เราต้องหยุดเลือดให้ได้ หากปล่อยให้เลือดไหลทีละเส้นประเทศก็จะตาย วันหน้าต้องมาหาคนมารักษาอีก
“การปฏิรูปทั้งทหารและตำรวจจะต้องทำ แต่ตอนนี้ต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปในส่วนประสิทธิภาพก่อน เราจะใช้มาตรา 44 แก้ปัญทุกเรื่องไม่ได้ ประชาชนถือเป็นคนที่มีอำนาจใหญ่สุด มีอำนาจทุกอำนาจในรัฐธรรมนูญ ทั้งบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ แต่ประชาชนไม่ใช่อำนาจที่ 4 แต่ประชาชนสามารถใช้อำนาจได้ผ่านการเลือกตั้ง หากเลือก ส.ส.มาถูกก็ได้รัฐบาลดี ก้าวพ้นกับดักประชาธิปไตย แต่ถ้าเลือกผิดก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราจะใช้นโยบายประนิยมมากไม่ได้ แต่ต้องใช้แนวทางกระจายอำนาจ วันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ขัดแย้งกับประชาธิปไตยมากเกินไป ทำทุกอย่างตามธรรมาภิบาล และอยากให้ทุกรัฐบาลทำแบบนี้ แบบที่ผมทำ”