“บัวแก้ว” หวังไทยจับ “มนัส คงแป้น” ทำรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเห็นในความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ “ดอน” ย้ำยังไม่อยากเอากรณีนี้ไปโยงกับ รีพอร์ตสถานการณ์การค้ามนุษย์ ที่ต้องส่งสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนนี้ ด้าน “บิ๊กป้อม” สั่งที่ประชุมค้ามนุษย์ ให้กฎหมายใหม่ ฟัน “ผู้ประกอบการ-โรงงาน-เรือประมง” ทำผิดค้ามนุษย์
วันนี้ (3 มิ.ย.) นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงการออกหมายจับ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทยว่า การจับคุมตัวนายทหารครั้งนี้ต้องผ่านการสืบสวนสอบสวนและกลั่นกรองมาดีระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องสงสัยเพราะคดียังไม่สิ้นสุด
“เรื่องนี้ถือมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมายของไทยต่อการติดตามผู้มีส่วนกระทำผิดในขบวนการค้ามนุษย์ในไทย เป็นสิ่งยืนยันให้ต่างชาติรู้ว่า รัฐบาลเอาใจใส่ต่อปัญหาการค้ามนุษย์”
ส่วนจะมีผลต่อกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่กำลังพิจารณาจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์หรือไม่ นายดอนเชื่อว่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะมีปัจจัยเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวโยงหากการจัดทำรายงานเรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์ยังไม่สิ้นสุด ก็คงจะมีผล แต่ไม่อยากสรุปความไปว่าสหรัฐฯ ควรจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาประกอบการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ เพราะกรณีของไทยมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ยังไม่อยากนำเรื่องนี้มาโยงกับรายงานดังกล่าว
“การออกหมายจับผู้ต้องสงสัยในขบวนการค้ามนุษย์ครั้งนี้เข้าข่ายคดีขนาดใหญ่ หากสหรัฐฯเห็นว่าไทยเป็นมิตรประเทศเก่าแก่ที่ยาวนาน และเห็นสิ่งที่ไทยมีความพยายามจะสรรสร้างสิ่งที่ถูกต้อง สหรัฐฯควรให้กำลังใจเพื่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯกับไทยกำลังทำสิ่งที่ดีงามร่วมกันต่อไป” นายดอนกล่าว
ด้านนายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่า พล.ท.มนัส ยังเป็นผู้ต้องหา ซึ่งต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของทางการไทยในการสืบสวนถึงต้นตอของขบวนการค้ามนุษย์อย่างแท้จริง
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะเลขานุการ เปิดเผยภายหลัง ว่า สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ฉบับที่ 2 เป็นบทบัญญัติฉบับใหม่ได้ให้อำนาจในการออกคำสั่งลงโทษผู้ประกอบการ หรือสถานประกอบการโรงงาน หรือเรือที่กระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เดิมกฎหมายไม่ได้ลงโทษผู้ประกอบการ กฎหมายฉบับใหม่ผู้ประกอบการทำผิดหรือปล่อยปละละเลยก็จะถูกลงโทษสั่งปิดชั่วคราว
ที่ประชุมได้อนุมัติร่างประกาศ ซึ่งถือเป็นอนุบัญญัติทางกฎหมายว่า ร่างประกาศที่หนึ่งสถานบริการหรือสถานประกอบการใดบ้างที่อยู่ในการควรคุมตามมาตรการต่างๆ ร่างประกาศที่สองสถานประกอบการต้องดูแลไม่ให้เกิดช่องโหว่การค้ามนุษย์ จะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป ส่วนร่างประกาศที่สามเป็นกระบวนการและวิธีการที่พนักงานและเจ้าหน้าที่ตรวจตราและออกคำสั่งทางปกครอง เพื่อเสนออนุกรรมการพิจารณาแทนที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เพื่อออกคำสั่งระงับใช้ใบอนุญาตในการประกอบการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการกองทุน และผู้ทรงคุณวุฒิการติดตามประเมินผลการทำงานของกองทุน และรับทราบการรับแรงงานไทยกลับจากเกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานรองนายกฯ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของขอทาน รวมถึงการจัดระเบียบขอทานเพื่อฝึกอาชีพและกลับเข้าสู่สังคม
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้รับรายงานการแก้ปัญหาโรฮีนจา ที่ จ.ระนอง รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง และรับรายงานของคณะกรรมการการค้ามนุษย์ในสตรีและเด็ก
“ในปลายเดือน มิ.ย.จะประกาศผลการจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือ ทิปรีพอร์ตที่ผ่านมา ไทยได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการ พร้อมตัวอย่างการจับกุมการดำเนินคดี ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำว่ารัฐบาลไทยได้ดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ และดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองตามหลักมนุษยธรรม”