สตูล - รอง ผบ.ตร.พบมวลชนพื้นที่จุดเสี่ยง ขอความร่วมมือล้างเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นนอกรีต หาประโยชน์จากการค้ามนุษย์ พร้อมเดินทางอายัดทรัพย์แล้วกว่า 300 ล้านบาท
วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.มนตรี โปรตะนันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายพิศาล อาแว นายอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ลงพบมวลชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ 200 คน ที่อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์
พร้อมขอความร่วมมือในการกวาดล้างเครือข่ายขบวนการให้สิ้นซาก โดยขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่จุดเสี่ยงช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนในการเอาผิด เครือข่ายอดีตนักการเมืองที่นอกรีต เสาะแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จนสร้างความเสียหาต่อประเทศชาติมาลงโทษให้ได้
รอง ผบ.ตร.ระบุว่า การเดินทางมาในครั้งนี้นอกจากการตรวจจุดเสี่ยง ที่บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ปากน้ำ อ.ละงู และจุดเสี่ยง บ้านวังประจัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน แล้วยังพบปะมวลชนในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูลด้วย โดยมีฝ่ายปกครองอำเภอควนโดน นายอำเภอเข้าร่วมด้วย ซึ่งพบว่า บริเวณโดยรอบเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยรอบถือว่าเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ขบวนการค้าคนต่างด้าวขึ้นไปหลบหนี และอพยพไปยังเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยได้เรียนให้มวลชนในพื้นที่ได้ทราบว่า การค้ามนุษย์นอกจากจะเป็นการผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง ชาติใด ศาสนาใด ย่อมมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผู้ใดมาบังคับขู่เข็ญเอาไปค้าหาประโยชน์ ต้องช่วยกันร่วมมือกัน โดยรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ และรองนายกรัฐมนตรี ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปธ.อนุคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้มอบหมายให้ตนได้ลงมาดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผล ความคืบหน้าตามที่ปรากฏเป็นข่าว สามารถออกหมายจับได้ถึง 25 หมาย และจับกุมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมามอบตัวในเวลานี้ 28 ราย และยังมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นเป็นไปตามลำดับ
โดยการทำงานทั้งหมดของ พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ได้ให้ความเป็นธรรม และไม่ได้กลั่นแกล้งเอาผิดเอาโทษใครโดยไม่มีพยานหลักฐานแต่อย่างใด และได้ยืนยันมาโดยตลอด เพราะว่าศาลจะออกหมายจับได้นั้นต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเสนอ ผู้ต้องหาทั้งหมดเราให้ความเป็นธรรม และผู้ต้องหาที่เรายังจับกุมไม่ได้ และยืนยันในความบริสุทธิ์สามารถติดต่อเข้ามอบตัวได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา ได้โดยตลอด
“ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากพวกท่านไม่ให้ความร่วมมือไม่มีทางที่จะบรรลุได้อย่างมีประสิทธิผล หากพี่น้องประชาชนทราบเบาะแส ให้ความร่วมมือก็จะเป็นประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน และเข้าใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่อาจจะมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในท้องถิ่น รู้จักมักคุ้น อาจจะมีบุญคุณ หรือเกื้อกูลกันก็ขอให้แยกแยะ และผลกระทบต่อประเทศชาติว่าไม่สามารถให้ผู้กระทำผิดดำรงคงอยู่ต่อไปได้ เพราะความเสียหายเกิดขึ้นระดับประเทศ โดยขณะนี้ประชาชนทั่วประเทศได้จับตาดูอยู่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่คนในพื้นที่ได้แสดงความเป็นพลเมืองที่ดีหรือไม่ ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติในการเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็ว พร้อมเชื่อว่า นายอำเภอจะขยายผลให้มวลชนในพื้นที่มาเป็นแนวร่วมมากขึ้น และทุกคดีที่เกี่ยวพันกับบุคคลที่ถูกออกหมายจับเกี่ยวกับคดีบุกรุกที่อุทยานฯ เราจะมีการเก็บกวาดจังหวัดสตูล จากนักการเมืองท้องถิ่นที่มาหาผลประโยชน์ โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติมาเป็นเรื่องแลกเปลี่ยนของผลประโยชน์ของตัวเอง” รอง ผบ.ตร.กล่าว
การติดตามจับกุมโกโต้ง ในประเทศมาเลเซียนั้นได้มีการประสานการทำงานกับทางการมาเลเซียโดยตลอด ส่วนการจะยึดทรัพย์ของโกโต้ง บนเกาะหลีเปะนั้น ปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล ตรวจสอบได้ โปร่งใส หากมีการฟ้องร้องตำรวจต้องรับผิดชอบ ซึ่งในเรื่องนี้มีการทำงานร่วมกับ ปปง.ในการอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น ขณะนี้ 200-300 ล้านบาท เกี่ยวเนื่องของคดีที่สตูล หัวไทร หาดใหญ่ วัฏจักรของมันขณะนี้มีความชัดเจน มีความเชื่อมโยงในส่วนของบุคคล สถานที่ คดีค้างเก่า รวมทั้งความเกี่ยวเนื่องขัดแย้งแย่งลูกค้าไม่จ่ายหนี้ไปยิงไปฆ่ากันก็มีทั้งหมดโดยมอบหมายให้ รองเอกภพ เป็นผู้ดูแล