รายงานการเมือง
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะทหารเสือ คำรามเสียงดังลั่น “จะลงจากหลังเสือต้องฆ่าเสือก่อน” หลายฝ่ายตีความว่า ส่งสัญญาณมุ่งเป้าไปที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขี้ฉ้อ ว่าคือเสือตัวที่ผู้นำรัฐประหารจะเผด็จศึกก่อนหมดอำนาจ
โดยเฉพาะกับความเคลื่อนไหวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลงัดมาตรการเฉียบขาดกำราบอดีตผู้นำหนีคดีทุจริต คอร์รัปชันไปหลายดอก หลังจากไปพล่ามให้ร้ายกองทัพ องคมนตรี ว่ามีส่วนในการเข็นรถถังออกมายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยุทธศาสตร์ฝ่ายอำนาจในปัจจุบันส่อไปในทางไล่ล่า และเช็กบิลนักโทษชายทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นกรณีกองทัพเข้าร้องต่อศาล ให้ดำเนินคดีในฐานใส่ร้ายป้ายสี กระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ตทุกฉบับ และมีการรับลูกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อถอดยศ พ.ต.ท. เหลือแค่นายทักษิณ เป็นช็อตต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องสำคัญอย่างการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงพอสมควร สำหรับสัมภเวสีที่อยากจะกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ
เที่ยวนี้มีการจับตาว่ารัฐบาลจะดุดันแค่ไหน เพราะที่ผ่านมามีเรื่องก็ทำขึงขังจะดำเนินการไม้แข็งต่างๆ นานา แต่แล้วก็หายวับเข้ากลีบเมฆไปทุกที ไม่กล้าแตะต้องนักโทษชายทักษิณอะไรเท่าไหร่ ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะดี ที่จะได้ดูว่าวิธีปราบ“เสือแม้ว”ของ “ทหารเสือตู่” จะเป็นอย่างไร
จะเป็นเพียงการตีเกราะเคาะไม้เพื่อตอบโต้เฉยๆ แล้วปล่อยเรื่องซาลงไปเหมือนทุกที หรือจะไล่บี้กันให้สุดซอย เพื่อไม่ให้มีแรงปั่นป่วนสร้างความวิบัติให้ชาติได้อีกเลย
ถ้าตั้งโจทย์ว่านักโทษชายทักษิณคือศัตรูตัวร้ายของบ้านเมือง สถาบันฯ และอะไรก็ตาม ก็มีความจำเป็นที่ฝ่ายถืออำนาจในปัจจุบันจะต้องเด็ดขาดสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะเห็นอยู่ตำตาแล้วว่า วิธีการไล่ล่าแบบที่ทำกันๆอยู่ อย่างถอนพาสปอร์ต หรือถอดยศ มันไม่ระคายผิวด้านๆ ของนักโทษชายรายนี้แต่อย่างใด เพราะยังมีแรงดิ้นโผล่ประเทศนู้น ประเทศนี้ได้อยู่ดี มีแต่เพียงแค่ความสะใจที่ได้กลับมาแค่นั้น
หนังเรื่องนี้ของ “บิ๊กตู่” ถูกคาดหวังไว้เยอะว่าจะจบประทับใจคนดู จะมาทำเป็นมวยล้มต้มคนดู ปาหี่คงไม่ได้ เพราะสุดท้ายพระเอกอาจตายตอนจบ คือนั่นก็หมายถึง“บิ๊กตู่”นั่นเอง ถึงวันที่หมดอำนาจจะโดนไล่เช็กบิลกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีศัตรูที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารประเทศและยึดอำนาจไปไม่น้อยคอยเวลา ทฤษฎีเดียวกับการตีงูแค่หลังหัก ถ้าไม่ทุบหัวให้ตาย อย่างไรเสียมันก็กลับมาแว้งกัดอีกจนได้
จุดหลักที่รัฐบาลปล่อยหมัดใส่นักโทษชายทักษิณได้หนักหน่วงที่สุด คือ มาตรา 112 หากกระทำเพียงแค่ร้องๆ แล้วผ่านไป จะกลายเป็นเพียงว่าแค่ฉากขึงขังธรรมดาๆ แต่เมื่อเริ่มแล้วต้องทำให้จบสิ้นกระบวนความ ให้เท่าเทียม และเสมอภาคกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่โดนข้อหานี้ที่มีอยู่จำนวนมาก ถ้าไม่ทำเหมือนกัน เท่ากับกำลังแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำกับผู้ต้องหารายอื่นๆ มีการละเว้นกับคนบางคน ทั้งที่การกระทำหมิ่นเหม่คล้ายคลึงกัน
ที่น่ากังวลคือ มีความไม่ชัดเจนจากรัฐบาลในเรื่องนี้ กองทัพที่ยื่นร้องนักโทษชายทักษิณต่อศาล ไม่มีข้อหา 112 โดยอ้างว่าให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั่นหมายความว่า ไม่กล้าเล่นแรงใช่หรือไม่ ทั้งที่หากดูคำพูดของนักโทษชายทักษิณ ที่ให้สัมภาษณ์ที่เกาหลี แม้จะไม่ได้พูดถึงสถาบันฯ แต่มีการพาดพิงองคมนตรี และคนในวัง ซึ่งถ้าศาลรับ สามารถนำไปพิจารณาได้ว่า มีเจตนาส่อให้ตีความไปในลักษณะนั้นได้หรือไม่ เหมือนกับหลายคดีๆ ของบุคคลที่โดนข้อหานี้
อีกทั้งที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของนักโทษชายทักษิณที่มีต่อสถาบันฯ ก็ถูกมองว่าไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ พฤติกรรมและคำพูดคำจาหลายครั้งทำให้คนเชื่อว่ามีทัศนคติแบบนั้น เจตนาส่อหลายกรรมหลายวาระ ดังนั้นต้องทำให้เรื่องนี้เด่นชัด จำนนต่อหลักฐานให้ได้ ต้องทำให้สุดซอย ให้จบให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่เลิกราวีกันเสียที
กระนั้นการไล่เช็กบิลตามมาตรการต่างๆ ก็คงทำอะไรนักโทษชายทักษิณไม่ได้มากนัก ในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย เพราะสัมภเวสีรายนี้ ร่อนเร่ไปร่อนมาอยู่ในต่างประเทศ พาสปอร์ตก็มีของมอนเตเนโกร ยศก็คงไม่สะทกสะท้านต่อมยางอายอะไร ข้อหา 112 ปิดประตูตาย ไม่ให้กลับบ้านได้เท่านั้น เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องไปหาว่า ยังมีมาตรการที่จะกำราบให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อไม่สร้างปัญหาได้ในอนาคต
วิธีการล่าเสือของจีนก็น่าสนใจ หาก “ทหารเสือตู่” จะเอาจริง คือ ต้องประกาศล่านักโทษชายทักษิณให้จริงจังไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาเป็นคดีใหม่เพราะทักษิณเป็นนักโทษหนีอาญาอยู่แล้ว ประสานขอความร่วมมือระหว่างประเทศทั่วโลกได้เลย วางเดิมพันอนาคตของชาติ กับตระกูลชินวัตร ใครชนะเป็นใหญ่ ใครแพ้เป็นโจรไปเลย จึงจะได้ใจกองเชียร์ อย่ามาเล่นๆ เกทับกันไปกันมา ไม่มีประโยชน์ เพราะคนซวย คือประเทศไทยเหมือนเดิม
จะว่าไปรัฐบาลลายพรางของ “บิ๊กตู่” ตอนนี้ก็คล้ายกับตกที่นั่งเดียวกับสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยเรียกร้องให้กำจัดพวกคิดร้ายต่อสถาบันฯ เพียงแต่ตอนนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ได้แต่ตะโกนปาวๆ อย่างเดียว ไม่มีอำนาจเหมือนกับที่รัฐบาลนี้มีอยู่ในมือ ในเมื่อมีอำนาจก็ต้องเอาจริงเอาจัง ถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดแล้ว
เข้าใจความรู้สึก “บิ๊กตู่” ว่า เป็นเรื่องร้อนๆ ที่ตกใส่มือ หลังจากบริหารประเทศมาปีหนึ่งแล้วก็คงไม่อยากจะเสี่ยงอะไรมาก อาจเสียแต้มหรือเสียกระบวนท่าได้ เพียงแต่เมื่อขึ้นมาขี่หลังเสือแล้วมันไม่มีตัวเลือกอื่น นอกจากการฆ่าเสือเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นอาหารอันโอชะเมื่อคิดจะลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ชัดเจนแล้วว่า วิธีการรอมชอม ต่อสาย ใช้นายหน้าเพื่อดีล มันไม่ได้ผล นักโทษชายทักษิณก็จนตรอกเลิกใช้วิธีนี้ มีแต่ส่งสัญญาณห้ำหั่น ลุยสุดซอยกับรัฐบาลทหารเหมือนกัน เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปยอมทรราช หมากกระดานนี้ต้องมีคนแพ้คนชนะแบบหมดจด ตายกันไปข้าง ในทางการเมือง
ซึ่งก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวในการต่อสู้กับแนวรบนักโทษชายทักษิณทั้งบนดิน และใต้ดิน ของรัฐบาลเหมือนกัน หลังมีการสร้างเพจ อวยรัฐบาล ด่ากราดทักษิณอยู่ในโลกโซเชียล เหมือนเปิดเกมสู้บ้างแล้ว ไม่ให้ยึดหน้าสื่อฝ่ายเดียว
ก็ได้แต่หวังใจว่า มันจะสุดซอยจริงๆ ไม่ใช่ปาหี่กากี่นั้ง!