**ช่วงนี้ดิ้นพล่านมากเป็นพิเศษ สำหรับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่กลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้มุดดินอยู่ในรู ไม่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อะไร เกือบ 1 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขับรถถังออกมายึดอำนาจการบริหารประเทศจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวในไส้ตัวเอง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ทักษิณนิ่งสงบปล่อยให้บรรดาลิ่วล้อในสังกัดออกมาตอดเล็กตอดน้อยเท่านั้น
แต่การกลับมากลับครั้งนี้มาแบบไม่ธรรมดา ทิ้งระเบิดใส่ “รัฐบาลบิ๊กตู่”แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งแต่การประเมินผลการทำงานของรัฐบาลว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เรื่อยไปจนถึงการแฉเบื้องลึกเบื้องหลังการทำรัฐประหารครั้งนี้ว่า เป็นการร่วมมือกันระหว่างองคมนตรี ทหาร และกลุ่มกปปส. ทำเอาแย่งซีนวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหารไปหมดเกลี้ยง ทุกฝ่ายไฮไลต์ไปที่บทสัมภาษณ์ของนักโทษชายทักษิณเต็มๆ
ไม่ใช่ความบังเอิญแน่ ต่อจะให้มีการแถว่า การออกมาพูดเรื่ององคมนตรีอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารเป็นการพูดคุยนอกรอบกับสื่อต่างประเทศ แต่ครั้งนี้นักโทษชายทักษิณตั้งใจจะส่งสัญญาณมาถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบันโดยตรง โดยใช้เวทีการประชุมผู้นำเอเชียที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นช่องทางในการสื่อสารออกมา ซึ่งหากย้อนกลับไปจะเห็นว่า ก่อนที่จะได้รับเชิญมาแหกปากในงานนี้ สัมภเวสีหนีคดีทุจริตรายนี้พยายามให้ล็อบบี้ยิสต์ในสังกัดล็อบบี้อย่างหนัก เพื่อให้ผู้จัดเชิญตัวเองขึ้นไปพูดในงานดังกล่าว
**บทสัมภาษณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสื่อสำนักไหนล้วนแล้วแต่ออกมาจากการสัมภาษณ์ที่งานดังกล่าวทั้งสิ้น ขณะที่คลิปวิดีโอที่ถูกปล่อยมาตรงกับครบรอบ 1 ปีรัฐประหารนั้นก็ไม่ใช่คลิปหลุด หากแต่เป็นคลิปวิดีโอที่จงใจให้หลุดในวันดังกล่าว อย่าลืมว่านักโทษชายทักษิณนั้นมีบริวารล็อบบี้ยิสต์ ที่เป็นสื่อต่างประเทศจำนวนไม่น้อย
นอกจากการใช้เวทีดังกล่าวเป็นส่งสัญญาณออกมา นักโทษชายทักษิณเองพยายามทำตัวให้เป็นข่าวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะการบินมาหาหลานสาวฝาแฝดที่สิงคโปร์ ที่บังเอิญตรงกับวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหารพอดิบพอดี มีการปล่อยภาพตากับหลานออกมาบนโซเชียลมีเดียพรึบพรับ เพื่อต้องการให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว
ขณะเดียวกัน ยังมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อแสดงความเป็นกังวลต่อคดีรับจำนำข้าวของน้องสาวตัวเองในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม เรียกว่าช่วงนี้ฝอยแต่เรื่องการเมืองภายในประเทศล้วนๆ
ถือเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนักโทษชายทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้ไม่หือไม่อือ เอาแต่มุดอยู่ในรู ไม่เคยโจมตี “บิ๊กตู่”หรือแม่ทัพนายกอง เรื่อยไปจนถึงองคมนตรี มีครั้งเดียวก็ตอนที่ร้อนตัวออกมาตอบโต้ พระสุเทพ ปภากโร กรณีคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นก็เงียบกริบไป จนกระทั่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมาพูดในเวทีผู้นำเอเชียที่ตรงกับวันที่น้องสาวตัวเองไปขึ้นศาลฎีกาฯ หรือการปล่อยบทสัมภาษณ์จวกฝ่ายอำมาตย์ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558
มีการมองกันว่าที่นักโทษชายทักษิณมุดรูไม่โผงผางออกมาแตะต้องรัฐบาลทหารก่อนหน้านี้ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่ตัวเองจะ “ดีล”ได้ หากไปวิพากษ์วิจารณ์มากน้องสาวตัวเองที่มีคดีเป็นชนักปักหลังอาจซวย รวมถึงเรื่องตั๋วกลับบ้านแบบเท่ๆ ของตัวเองอาจที่จะปิดตายได้
แต่ที่กล้าคัมแบ็กออกมาด่าเที่ยวนี้คงประเมินแล้วว่า ตราบใดที่รัฐบาลชุดนี้ยังคงมีอำนาจ และเป็นผู้วางกติกาในอนาคต เลิกฝันเรื่องกราบสนามบินสุวรรณภูมิ ภาค 2 ไปได้เลย โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่”ที่ยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่มีการนิรโทษกรรมใดๆ ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนเท่านั้นแล้วค่อยมาว่ากัน นั่นเท่ากับว่านักโทษชายทักษิณไม่มีประตูทางเข้าอื่น นอกจากกลับมาติดคุกก่อน ซึ่งไม่มีทางที่สัมภเวสีตนนี้จะเลือกวิธีการดังกล่าว
**เมื่อประนีประนอมแล้วไม่เป็นผล ฝ่ายอำนาจไม่เล่นด้วย นักโทษชายทักษิณไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ตามที่ตัวเองถนัด ไม่ว่าจะเป็นส่งสัญญาณกระตุกต่อมแนวร่วมมวลชนให้คึกคัก อย่างการปรากฏตัวในครั้งนี้ก็เพื่อมวลชนได้เห็นว่า ยังถือธงนำอยู่ หรือจะเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล ดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรม การใช้เวทีโลกกดดันไทยในเรื่องต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลทหารเสียศูนย์ และทำงานด้วยความยากลำบากให้มากที่สุด
นักโทษชายทักษิณรู้แล้วว่า เคลียร์กับ“บิ๊กตู่”นั้นไม่ได้แน่ เพราะมีบรรดาอำมาตย์ที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองหนุนหลัง ซึ่งคนเหล่านี้นักโทษทักษิณก็เคยพยายามดีลไปแล้วหลายครั้ง แต่ล่มทุกที ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าออกมาแฉองคมนตรีแบบเปิดหน้าอย่างนี้
**“บิ๊กตู่”เองก็รู้ว่า จู่ๆ ทำไมคนอย่างนักโทษชายทักษิณ ถึงออกมาขยับแข้งขยับขา ทั้งที่เงียบหายไปนาน ไม่เช่นนั้นคงไม่หาจังหวะตอกกลับไปแรงๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องกลับบ้านที่พูดขึ้นมาเองเลยว่า หากคิดว่าไม่ผิดก็กลับมา ที่ไม่กลับมาแสดงว่าผิด เหมือนย้ำเงื่อนไขไปอีกครั้งว่า ไม่ต้องมาต่อรอง วิธีกลับบ้านมีทางเดียวคือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังท้าทายในลักษณะหากจะสู้กันด้วยวิธีอื่นๆ อย่างไรตนเองก็ชนะอยู่วันยังค่ำ
เรียกว่า ไม่ฝ่อกับมุกส่งสัญญาณต่อสู้ของนักโทษชายทักษิณรอบนี้ ตามเงื่อนไขในมือที่วันนี้ที่ “บิ๊กตู่”มีอำนาจในมือ และยังมีตัวแปรบนหน้าตักมากกว่า โดยเฉพาะคดีรับจำนำข้าวในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ ที่เหมือนลูกไก่ในกำมือ
น่าสนใจเรื่องการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองต่อจากนี้ เพราะนักโทษชายทักษิณ เอาฤกษ์เอาชัยกลับมาจ้อการเมืองในจังหวะครบ 1 ปีการรัฐประหาร เป็นการกลับมาในช่วงที่หลายสิ่งหลายอย่างกำลังคาบลูกคาบดอก ไม่ว่าจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังรอปรับแก้ โผล่มาในขณะที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะลากยาวอยู่บนตำแหน่งหากมีการทำประชามติ และในสภาวะที่รัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ และแรงบีบจากต่างประเทศ
นักโทษชายทักษิณกลับมาพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของแกนนำในพรรค ที่เริ่มขยับเขยื้อนตัวกันมากขึ้น ศึกต่อจากนี้รัฐบาลอาจต้องเจอทั้งเกมบนดินและใต้ดิน เพราะหมาเมื่อจนตรอกไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้ ไม่ยอมให้ไล่ต้อนอย่างเดียว
**หลังจากครบ 1 ปีแล้ว สิ่งที่รัฐบาลต้องเจอหลังจากนี้มีแต่ของจริงล้วนๆ ไม่หอมหวานเหมือนช่วงฮันนีมูนแล้ว
ทักษิณนิ่งสงบปล่อยให้บรรดาลิ่วล้อในสังกัดออกมาตอดเล็กตอดน้อยเท่านั้น
แต่การกลับมากลับครั้งนี้มาแบบไม่ธรรมดา ทิ้งระเบิดใส่ “รัฐบาลบิ๊กตู่”แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งแต่การประเมินผลการทำงานของรัฐบาลว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เรื่อยไปจนถึงการแฉเบื้องลึกเบื้องหลังการทำรัฐประหารครั้งนี้ว่า เป็นการร่วมมือกันระหว่างองคมนตรี ทหาร และกลุ่มกปปส. ทำเอาแย่งซีนวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหารไปหมดเกลี้ยง ทุกฝ่ายไฮไลต์ไปที่บทสัมภาษณ์ของนักโทษชายทักษิณเต็มๆ
ไม่ใช่ความบังเอิญแน่ ต่อจะให้มีการแถว่า การออกมาพูดเรื่ององคมนตรีอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารเป็นการพูดคุยนอกรอบกับสื่อต่างประเทศ แต่ครั้งนี้นักโทษชายทักษิณตั้งใจจะส่งสัญญาณมาถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบันโดยตรง โดยใช้เวทีการประชุมผู้นำเอเชียที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นช่องทางในการสื่อสารออกมา ซึ่งหากย้อนกลับไปจะเห็นว่า ก่อนที่จะได้รับเชิญมาแหกปากในงานนี้ สัมภเวสีหนีคดีทุจริตรายนี้พยายามให้ล็อบบี้ยิสต์ในสังกัดล็อบบี้อย่างหนัก เพื่อให้ผู้จัดเชิญตัวเองขึ้นไปพูดในงานดังกล่าว
**บทสัมภาษณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสื่อสำนักไหนล้วนแล้วแต่ออกมาจากการสัมภาษณ์ที่งานดังกล่าวทั้งสิ้น ขณะที่คลิปวิดีโอที่ถูกปล่อยมาตรงกับครบรอบ 1 ปีรัฐประหารนั้นก็ไม่ใช่คลิปหลุด หากแต่เป็นคลิปวิดีโอที่จงใจให้หลุดในวันดังกล่าว อย่าลืมว่านักโทษชายทักษิณนั้นมีบริวารล็อบบี้ยิสต์ ที่เป็นสื่อต่างประเทศจำนวนไม่น้อย
นอกจากการใช้เวทีดังกล่าวเป็นส่งสัญญาณออกมา นักโทษชายทักษิณเองพยายามทำตัวให้เป็นข่าวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะการบินมาหาหลานสาวฝาแฝดที่สิงคโปร์ ที่บังเอิญตรงกับวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหารพอดิบพอดี มีการปล่อยภาพตากับหลานออกมาบนโซเชียลมีเดียพรึบพรับ เพื่อต้องการให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว
ขณะเดียวกัน ยังมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อแสดงความเป็นกังวลต่อคดีรับจำนำข้าวของน้องสาวตัวเองในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม เรียกว่าช่วงนี้ฝอยแต่เรื่องการเมืองภายในประเทศล้วนๆ
ถือเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนักโทษชายทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้ไม่หือไม่อือ เอาแต่มุดอยู่ในรู ไม่เคยโจมตี “บิ๊กตู่”หรือแม่ทัพนายกอง เรื่อยไปจนถึงองคมนตรี มีครั้งเดียวก็ตอนที่ร้อนตัวออกมาตอบโต้ พระสุเทพ ปภากโร กรณีคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นก็เงียบกริบไป จนกระทั่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมาพูดในเวทีผู้นำเอเชียที่ตรงกับวันที่น้องสาวตัวเองไปขึ้นศาลฎีกาฯ หรือการปล่อยบทสัมภาษณ์จวกฝ่ายอำมาตย์ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558
มีการมองกันว่าที่นักโทษชายทักษิณมุดรูไม่โผงผางออกมาแตะต้องรัฐบาลทหารก่อนหน้านี้ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่ตัวเองจะ “ดีล”ได้ หากไปวิพากษ์วิจารณ์มากน้องสาวตัวเองที่มีคดีเป็นชนักปักหลังอาจซวย รวมถึงเรื่องตั๋วกลับบ้านแบบเท่ๆ ของตัวเองอาจที่จะปิดตายได้
แต่ที่กล้าคัมแบ็กออกมาด่าเที่ยวนี้คงประเมินแล้วว่า ตราบใดที่รัฐบาลชุดนี้ยังคงมีอำนาจ และเป็นผู้วางกติกาในอนาคต เลิกฝันเรื่องกราบสนามบินสุวรรณภูมิ ภาค 2 ไปได้เลย โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่”ที่ยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่มีการนิรโทษกรรมใดๆ ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนเท่านั้นแล้วค่อยมาว่ากัน นั่นเท่ากับว่านักโทษชายทักษิณไม่มีประตูทางเข้าอื่น นอกจากกลับมาติดคุกก่อน ซึ่งไม่มีทางที่สัมภเวสีตนนี้จะเลือกวิธีการดังกล่าว
**เมื่อประนีประนอมแล้วไม่เป็นผล ฝ่ายอำนาจไม่เล่นด้วย นักโทษชายทักษิณไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ตามที่ตัวเองถนัด ไม่ว่าจะเป็นส่งสัญญาณกระตุกต่อมแนวร่วมมวลชนให้คึกคัก อย่างการปรากฏตัวในครั้งนี้ก็เพื่อมวลชนได้เห็นว่า ยังถือธงนำอยู่ หรือจะเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล ดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรม การใช้เวทีโลกกดดันไทยในเรื่องต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลทหารเสียศูนย์ และทำงานด้วยความยากลำบากให้มากที่สุด
นักโทษชายทักษิณรู้แล้วว่า เคลียร์กับ“บิ๊กตู่”นั้นไม่ได้แน่ เพราะมีบรรดาอำมาตย์ที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองหนุนหลัง ซึ่งคนเหล่านี้นักโทษทักษิณก็เคยพยายามดีลไปแล้วหลายครั้ง แต่ล่มทุกที ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าออกมาแฉองคมนตรีแบบเปิดหน้าอย่างนี้
**“บิ๊กตู่”เองก็รู้ว่า จู่ๆ ทำไมคนอย่างนักโทษชายทักษิณ ถึงออกมาขยับแข้งขยับขา ทั้งที่เงียบหายไปนาน ไม่เช่นนั้นคงไม่หาจังหวะตอกกลับไปแรงๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องกลับบ้านที่พูดขึ้นมาเองเลยว่า หากคิดว่าไม่ผิดก็กลับมา ที่ไม่กลับมาแสดงว่าผิด เหมือนย้ำเงื่อนไขไปอีกครั้งว่า ไม่ต้องมาต่อรอง วิธีกลับบ้านมีทางเดียวคือ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังท้าทายในลักษณะหากจะสู้กันด้วยวิธีอื่นๆ อย่างไรตนเองก็ชนะอยู่วันยังค่ำ
เรียกว่า ไม่ฝ่อกับมุกส่งสัญญาณต่อสู้ของนักโทษชายทักษิณรอบนี้ ตามเงื่อนไขในมือที่วันนี้ที่ “บิ๊กตู่”มีอำนาจในมือ และยังมีตัวแปรบนหน้าตักมากกว่า โดยเฉพาะคดีรับจำนำข้าวในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ ที่เหมือนลูกไก่ในกำมือ
น่าสนใจเรื่องการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองต่อจากนี้ เพราะนักโทษชายทักษิณ เอาฤกษ์เอาชัยกลับมาจ้อการเมืองในจังหวะครบ 1 ปีการรัฐประหาร เป็นการกลับมาในช่วงที่หลายสิ่งหลายอย่างกำลังคาบลูกคาบดอก ไม่ว่าจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังรอปรับแก้ โผล่มาในขณะที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะลากยาวอยู่บนตำแหน่งหากมีการทำประชามติ และในสภาวะที่รัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ และแรงบีบจากต่างประเทศ
นักโทษชายทักษิณกลับมาพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของแกนนำในพรรค ที่เริ่มขยับเขยื้อนตัวกันมากขึ้น ศึกต่อจากนี้รัฐบาลอาจต้องเจอทั้งเกมบนดินและใต้ดิน เพราะหมาเมื่อจนตรอกไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้ ไม่ยอมให้ไล่ต้อนอย่างเดียว
**หลังจากครบ 1 ปีแล้ว สิ่งที่รัฐบาลต้องเจอหลังจากนี้มีแต่ของจริงล้วนๆ ไม่หอมหวานเหมือนช่วงฮันนีมูนแล้ว