xs
xsm
sm
md
lg

ผ่านแล้ว! ภาษีมรดก ทายาทรับเกิน 100 ล้านต้องจ่าย “สมหมาย” กลืนน้ำลายตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติ 145 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย สาระสำคัญให้จัดเก็บภาษีมรดกตั้งแต่ 100 ล้านบาท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ เงินฝาก ยานพาหนะ และทรัพย์ทางการเงินตามพระราชกฤษฎีกา ชี้ก่อนหน้านี้รัฐบาล 50 ล้าน แต่เปลี่ยนเพราะหวั่นกระทบคนที่สร้างเนื้อสร้างตัว และธุรกิจกำลังโต แต่ถ้าเกินร้อยล้านเข้าขั้นเศรษฐีแน่นอน

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมี นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เป็นประธานในวาระ 2 และ 3 ทั้งนี้ กมธ. วิสามัญฯ ได้มีการปรับแก้สาระสำคัญจากร่างเดิมของรัฐบาลในมาตรา 12 และมาตรา 16 ให้ผู้รับมรดกมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท โดยในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ให้เสียภาษีร้อยละ 10 แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 5 จากร่างเดิมของรัฐบาลที่ให้ผู้รับมรดกเสียภาษีในส่วนที่เกิน 50 ล้านบาทให้จัดเก็บร้อยละ 10

สำหรับมรดกที่ต้องเสียภาษีเอาไว้ 5 ประเภท ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ 2. หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 3. เงินฝาก หรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนหรือสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้ 4. ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน และ 5. ทรัพย์ทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้น โดยพระราชกฤษฎีกา โดยมีผลบังคับใช้ 180 วันภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ ผู้ใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และผู้ใดทำลาย ย้ายไปเสีย ซ้อนเร้นทรัพย์สินมรดกไปให้ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 4 แสนบาท ผู้ใดจงใจยื่นข้อความเท็จ หรือใช้กลอุบายพยายาม ฉ้อโกง หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 2 แสนล้านบาท เป็นตน

สำหรับในมาตรา 12 เดิมมี กมธ. เสียงข้างน้อย จำนวน 7 คนที่ไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล นายประสงค์ พูนธเนศ น.ส.จารุวรรณ เฮงตระกูล และ นายชุมพร เสนไสย และยืนยันจะสงวนคำแปรญัตติ แต่พอได้ฟัง นายสมหมาย ได้ชี้แจงว่า ครม. ได้ยอมให้มีการเรียกเก็บมรดกจากทรัพย์สินที่เกิน 100ล้านบาทแล้ว ทำให้ กมธ. วิสามัญฯ เสียงข้างน้อย ได้ขอถอนคำสงวนแปรญัตติ รวมทั้งก็ไม่มี สนช. คนได้ติดใจหรือคัดค้านและพิจารณาผ่านมาตราดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว โดยมีมติเห็นด้วยกับ กมธ. เสียงข้างมาก ที่เปลี่ยนแปลงให้จัดเก็บภาษีมรดกตั้งแต่ 100 ล้านบาท ด้วยคะแนน 148 เสียง ต่อ 6 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง

นอกจากนี้ สนช. ยังมีการเสนอทรัพย์สินบางประเภท ไม่ต้องจับเก็บภาษีมรดก โดยมีผู้สงวนคำแปรญัตติมากมาย อาทิ ไม่ให้จัดเก็บมรดกจากอาคาร เคหสถานหรือบ้านที่มีความงาม มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมหรือประวัติศาสตร์ พื้นที่การเกษตรไม่เกิน 25 ไร่ รวมทั้งที่ดินเกษตรกรรมทีได้รับตกทอดจากบุพการี ที่อยู่อาศัยที่ใช้พักอาศัยไม่เกิน 200 ตารางวา ที่ได้รับจากบิดามารดา แต่ กมธ.วิสามัญฯ ไม่เห็นด้วย และ ยืนยันว่าทรัพย์สินที่ไม่ควรจัดเก็บมรดก ต้องเกี่ยวข้องกับการศาสนา การศึกษา และสาธารณประโยชน์

พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร กมธ. เสียงข้างมาก ชี้แจงว่าสาเหตุที่เปลี่ยนจากการเก็บทรัพย์สินมรดกจาก 50 ล้านบาทขึ้นไปเป็น 100 ล้านบาท จะกระทบแก่ผู้กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวของประชาชน และธุรกิจที่กำลังจะเติบโต หากส่งมอบให้ลูกหลานจะขาดช่วงได้ จึงเห็นว่าการเก็บภาษีตั้งแต่ 100 ล้านบาท ไม่กระทบคนยากไร้แน่นอน ส่วนข้อกังวลเรื่องที่ดินการเกษตร หรือที่พักอาศัย ที่ไม่ควรจัดเก็บนั้น ยืนยันหากบุคคลใดมีทรัพย์สินเกิน 100 ล้านบาท ก็เป็นคนรวยแน่นอนหรือนายทุน ไม่ใช่เกษตรกร อีกทั้งยังไม่มีใครไปทำนาในพื้นที่ 25 ไร่ในพื้นที่ราชประสงค์แน่นอน ที่จะทำให้ราคาเกิน 100 ล้านบาท อีกทั้งยังแก้ปัญหาพวกนักค้าเก็งกำไรที่ดินได้อีกด้วย จากนั้นที่ประชุม สนช. ได้พิจารณาเรียงลำดับรายมาตราจนจบร่างทั้งหมดจำนวน 38 มาตรา และที่ประชุมเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 145 ต่อ 5 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง

- “สมหมาย” หมดท่ากลืนน้ำลายตัวเอง หลังโว ปชช. ให้จับตาพิสูจน์ความรักชาติ

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายสมหมาย ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า รัฐบาลต้องการให้เริ่มเก็บภาษีมรดกในส่วนที่เกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป เสียงส่วนใหญ่จะเอา 100 ล้านบาท แต่รัฐบาลเสนอไป 50 ล้านบาท ก็เพียงพอแล้ว มาดูกันว่า ใครจะรักชาติกันเท่าไหร่ เรื่องนี้ไม่ได้มีผลในด้านการ จัดเก็บรายได้มากนัก แต่มีผลในเรื่องการแสดงออกถึงความรักชาติ การที่คนรวยจะช่วยคนจน คนมีเงินควรช่วยประเทศมากขึ้น เพื่อให้ประเทศมีเงินในการใช้จ่ายช่วยคนจนมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น