“สรรพากร” ประเมินจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 ต่ำกว่าประมาณการ 140,000 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันปรับลดลง และเศรษฐกิจชะลอตัว เตรียมหารือภาคเอกชนเสียภาษีให้ถูกต้อง 26 พฤษภาคม 2558 นี้ เน้นความถูกต้องเป็นธรรม และอำนวยความสะดวก พุ่งเป้า ร.ร.กวดวิชา ร้านวัสดุก่อสร้าง อิฐ หิน ดิน ปูน ทราย ร้านอาหารใหญ่ในห้างฯ และร้านดังที่ได้รับความนิยม ลั่นเป็นขยายฐานภาษี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปตรวจเช็กธุรกิจหล่านี้ย้อนหลัง แต่เพื่อให้การเสียภาษีถูกต้อง
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังให้นโยบายเจ้าหน้าที่สรรพากรภาค และสรรพกรพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงช่วงเวลาที่เหลือของการจัดเก็บรายได้กรมสรรพากร โดยระบุว่า ยอมรับปัญหาราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้กรมสรรพากร ประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2558 อาจจะต่ำกว่าประมาณการโดยเฉพาะภาคธุรกิจน้ำมัน อาจทำให้การจัดเก็บรายได้ส่วนนี้หายไปไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และรายได้จากนิติบุคคลที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจอีกไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท เท่ากับปีงบประมาณ 2558 กรมฯ จะเก็บภาษีต่ำกว่าประมาณการถึง 140,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะต้องเข้มงวดตรวจสอบการเสียภาษีของภาคธุรกิจอย่างเป็นธรรม ต้องอำนวยความสะดวก และดึงภาคธุรกิจที่เห็นว่ายังเสียภาษีไม่ถูกต้องเข้ามาอยู่ในระบบ เช่น กรมฯ กำลังพิจารณาไม่ว่าโรงเรียนกวดวิชาในห้าง และร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารดังๆ ที่ได้รับความนิยมในจังหวัดต่างๆ และภาคธุรกิจก่อสร้าง เช่น ธุรกิจปูน หิน ทราย และไม้ ซึ่งกรมฯ เห็นว่าธุรกิจเหล่านี้อาจจะมีการลงบัญชีไม่ถูกต้อง จึงต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไปแนะนำ และลงบัญชีการเสียภาษี ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเป็นขยายฐานภาษี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปตรวจเช็กธุรกิจหล่านี้ย้อนหลัง แต่เพื่อให้การเสียภาษีถูกต้อง
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า วันที่ 26 พฤษภาคม 2558 นี้ กรมฯ จะประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยน และขอความร่วมมือภาคธุรกิจให้ดำเนินการการจัดทำบัญชีเป็นไปตามระเบียบของกรมสรรพากร และได้กำชับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรชี้แจง และรับผลประโยชน์ และผลตอบแทนใดๆ ในการอาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่ชี้ช่องให้ภาคธุรกิจหลบเลี่ยงการเสียภาษี ในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่อยากจะดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร
โดยแนวทางการขยายฐานภาษีของกรมสรรพากรครั้งนี้ เพื่อต้องการให้การเสียภาษีของภาคธุรกิจเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมาย และที่สำคัญจะต้องให้บริการประชาชนด้วยความใจเย็น สุขุม ใช้วาจาสุภาพ เพราะขณะนี้พฤติกรรมของข้าราชการที่ให้บริการประชาชนน่าตาไม่ค่อยยิ้มแย้มจะถูกนำลงสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเป็นผลเสียทั้งระบบ
ส่วนกรณีการพบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทุจริต 14 คน ขณะนี้ทางกรมฯ ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงการคลัง ดำเนินการเอาผิด คาดว่าเดือนมิถุนายนนี้จะชัดเจนในการดำเนินคดีเอาผิดต่อผู้กระทำการทุจริต