อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์จวก “ทักษิณ-เสื้อแดง” ทัศนะคับแคบ โทษแต่อำมาตย์ล้มรัฐบาล ย้อนกลับไปช่วงที่มีม็อบก็ไม่มีน้ำยาอะไร ย้ำพลาดเพราะใช้เสียงข้างมากลักหลับผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ทำลายความชอบธรรม ชี้ประชาชนแนวคิดกลางๆ ไม่ชอบกลุ่มการเมืองทำอะไรตามสั่งไร้เหตุผล ซ้ำคนเสื้อแดงไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองใช้อาวุธ ทำรัฐบาลคุมสถานการณ์ไม่ได้ เป็นข้ออ้างยึดอำนาจ คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่แม้แต่ กปปส. ไม่ได้ผิดถึงต้องให้ตายขนาดนั้น
วันนี้ (22 พ.ค.) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้ กล่าวหาว่าองคมนตรีบางคนร่วมมือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. เปิดทางให้มีการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ว่า ดูเหมือนว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะขยับมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรจึงเริ่มออกมา อาจจะเพราะเริ่มตระหนักว่าการรอก็ไม่มีวันได้กลับเข้ามาด้วยการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็เหมือนคนเสื้อแดงจำนวนมากที่เน้นว่ารัฐประหารเกิดเพราะฝ่ายอำมาตย์มุ่งจะล้มรัฐบาลของเขา เรื่องนี้ก็มีส่วนจริงในแง่ที่ว่ามีกำลังอำนาจของบุคคลและกลุ่มที่แวดล้อมสถาบันกษัตริย์ ไม่ชอบทักษิณ และคงอยากเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวแพ้เลือกตั้ง หรือถ้าชนะ ก็อยากเห็นล้มเหลวหรือหลุดจากตำแหน่ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ และเสื้อแดงอีกจำนวนมาก ยังมีทัศนะคับแคบ มองอะไรไม่ต่างจากชนชั้นทั่วไป การที่มีอำมาตย์จำนวนหนึ่งอยากล้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แปลว่าจู่ๆ เขาจะล้มได้ การเมืองสมัยใหม่ มันเป็นเรื่องระดับมวลชน เรื่องระดับสาธารณะ เอาชนะกันในเรื่องความเห็นสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องแค่คนไม่กี่คนวางแผนกันแล้วก็เกิดขึ้นได้
“ตลอด 2 ปีกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ ม็อบโน้นม็อบนี้พยายามก่อหวอดไม่รู้กี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีน้ำยาอะไร แม้แต่ม็อบ กปปส. และการรัฐประหาร 22 พ.ค.เองก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่าจึงถึงจุดที่ทหารรู้สึกว่าสามารถตัดสินใจยึดอำนาจได้ ดังนั้น ปัญหาจังหวะก้าวของฝ่ายทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์เองจึงมีความสำคัญอย่างมาก ความจริงที่ทักษิณหรือยิ่งลักษณ์หรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเองจำนวนมาก พยายามหลับตา และทำเป็นลืม ไม่ยอมกล่าวถึง คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่เปิดทางให้มีการล้มรัฐบาลได้สำเร็จ” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากแม้แต่ฝ่ายที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยังไม่ตระหนักถึงนัยของความผิดพลาดครั้งนั้นอย่างรอบด้านแท้จริง นอกจากสะท้อนลักษณะคับแคบ เห็นแก่ตัว คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์แคบๆ ของตน พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำพรรคเพื่อไทยแล้ว มันสะท้อนปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย คือ สามารถบงการ หรือสั่งให้ทั้งพรรคทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะไม่มีเหตุผล ไม่ถูกต้องและเสี่ยงภัย จากความพยายามที่พรรคเพื่อไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แม้แต่ฝ่ายที่มีหลักการก็พากันสนับสนุน
อีกประการหนึ่ง คือ การเน้นเรื่องการยกโทษฝ่ายที่กระทำกับกลุ่มคนเสื้อแดง กรณีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น เป็นการทำลายกระบวนรัฐสภาเอง นักการเมืองสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ จนวินาทีสุดท้าย ว่าจะไม่ทำอะไรที่สำคัญอย่างหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ใช้วิธีลักหลับทำสิ่งนั้นไป อย่างผิดกระบวนการรัฐสภาด้วย โดยผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาวาระแรก ให้ผ่านวาระ 2 และ 3 ตั้งแต่กลางดึกถึงเช้ามืด ถือเป็นการทำลายความชอบธรรมของหลักการปกครองโดยเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นจุดแข็งหรือความชอบธรรมที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเอง ทำให้การวิจารณ์ของอีกฝ่ายประเภทมีเสียงข้างมากแล้ว ถือว่าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ กลายเป็นข้อกล่าวหาว่า อาศัยเสียงข้างมากมาทำลายกระบวนการปกติของสภาเอง
“สิ่งที่ทักษิณ เพื่อไทย และเสื้อแดงจำนวนมากไม่ตระหนัก คือ ในยุคสมัยการเมืองแบบมวลชนสมัยใหม่นั้น ไมใช่ว่า ขอให้เป็นฝ่ายสลิ่ม (กลุ่ม กปปส.) แล้ว ก็ต้องไม่ชอบ ไม่เปลี่ยนใจ ไม่เอาทักษิณแน่ๆ ปัญหามันอยู่ที่ว่า พวกคุณแสดงออกว่าเป็นอย่างไรกันด้วย ประชาชนจำนวนมาก พวกกลางๆ และชนชั้นกลางในเมืองจำนวนมาก แม้แต่ระดับพวกที่เรียกว่าสลิ่ม ไม่ใช่ว่าอย่างไรเสียก็ไม่เอาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ตลอดกาล อะไรแบบนั้น แต่พวกเขาไม่มีวันที่จะสนับสนุน หรือชอบพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่มีลักษณะเป็นบริษัทจำกัดแบบนี้ ที่นายใหญ่สั่งให้ทำอะไร แม้จะไม่มีเหตุผลสมควรขนาดนี้ ทั้งพรรคก็เฮโลกันไปได้ง่ายๆ” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ยังกล่าวในตอนท้ายว่า ความผิดพลาดที่สำคัญอีกอย่างที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากไม่เคยยอมเผชิญกับความจริง คือ เรื่องการใช้อาวุธในหมู่กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งตลอดช่วงการชุมนุมของ กปปส. เมื่อทุกฝ่ายพร้อมจะเผชิญความจริง อีกฝ่ายพร้อมจะยอมรับให้จัดการความผิดของการรัฐประหารยึดอำนาจจึงจะสามารถนำมาอภิปรายกันเต็มที่ได้ อยากจะเสนอให้คิดแบบสามัญสำนึกง่ายๆ ว่าการใช้อาวุธในขณะมีรัฐบาลที่กลุ่มคนเสื้อแดงเชียร์อยู่ในอำนาจมีแต่ทำให้รัฐบาลเสีย พวกตัวเองเป็นรัฐบาล ใช้อาวุธ คนที่แย่คือรัฐบาลที่คุมสถานการณ์ไม่ได้ มีคนเจ็บคนตายอยู่ตลอดเวลา และเป็นข้ออ้างอย่างดีให้ทหารเข้ายึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเอามาอ้างจนทุกวันนี้ ขนาดยังไม่ได้พูดเชิงหลักการที่ว่า คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือแม่แต่เป็นคนที่เป็นมวลชน กปปส.จริง ไม่ได้มีอะไรที่ผิดที่ถึงกับต้องมาตายกันแบบนั้น
“ผมตระหนักดีเรื่องที่ว่ามีเสื้อแดงเอง เช่น ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือตำรวจบางคนเสียชีวิต โดนทำร้าย แต่วิธีจัดการเรื่องนี้ไม่ใช่ด้วยวิธีแบบนี้ และความจริงคือ ผลของความรุนแรงส่วนใหญ่ และเหยื่อส่วนใหญ่ตลอดวิกฤตนั้น คือ กปปส. พูดอีกอย่างคือ ฝ่ายเสื้อแดงที่ติดอาวุธเป็นฝ่ายลงมือใช้วิธีนี้มากกว่า และใช้อย่างชนิดมั่วซั่วไปหมดมากกว่า” นายสมศักดิ์กล่าว
สำหรับข้อความของนายสมศักดิ์ที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้
ในการมองของผม ความน่าสนใจของคลิปสัมภาษณ์ทักษิณที่เกาหลี คงไม่ใช่เรื่องเนื้อหาเท่าไรนัก (ยกเว้นประเด็นหนึ่งที่ผมจะกล่าวถึงข้างล่าง) เพราะเป็นอะไรที่ทักษิณเคยพูดมาก่อน (เรื่ององคมนตรี คนในแวดวงวัง ถ้าไม่ให้รัฐบาลเลือกตั้งอยู่ในอำนาจก็อยู่ไม่ได้ ฯลฯ) แต่อยู่ที่ "ไทม์มิ่ง" หรือเวลาที่ออกมา ดูเหมือนว่าทักษิณจะ "ขยับ" มากขึ้น ครบ ๑ ปีรัฐประหารวันนี้ ทักษิณ เพิ่งออกมาพูดถึงจริงๆ ครั้งนี้ (คงจำได้ว่า ไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพิ่งออกมานิดๆ ในทวิตเตอร์เรื่องสุเทพ แต่ครั้งนั้น ก็ยังไม่ได้พูดอะไรถึง รปห. โดยตรง)
ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรจึงเริ่มออกมา อาจจะเพราะเริ่มตระหนักว่า การ "เกียร์ว่าง" "รอ" (wait ในภาพที่มีการเผยแพร่หลัง รปห) ก็ไม่มีวันได้กลับเข้ามา ด้วยการเลือกตั้ง?
..............
ประเด็นที่ผมอยากจะพูดนิดหนึ่งเกี่ยวกับเนื้อหาในคลิปคือ ทักษิณ ก็เหมือนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เน้นว่า รัฐประหารเกิดเพราะฝ่าย "อำมาตย์" มุ่งจะล้มรรัฐบาลของเขา (วันเดียวกันนี้คุณ "บ๊อบ อัมสเตอร์ดัม" ก็เผยแพร่บทความที่ตอนต้นกล่าวในลักษณะเดียวกัน ทำนองว่า รัฐประหาร ๒๒ พฤษภา มีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นเดือน ถ้าไมใช่เป็นปี โดยเฉพาะตั้งแต่หลังเลือกตั้ง ๕๔ เหตุหนึ่งเพื่อล้มโครงการจำนำข้าว ช่วยชาวนา)
เรื่องนี้ก็มีส่วนจริง ในแง่ที่ว่า มีกำลังอำนาจของบุคคลและกลุ่มที่แวดล้อมสถาบันกษัตริย์ ไม่ชอบทักษิณ และคงอยากเห็นทักษิณ-ยิ่งลักษณ์แพ้เลือกตั้ง หรือถ้าชนะ ก็อยากเห็นล้มเหลว หรือหลุดจากตำแหน่ง
แต่ทักษิณ (และเสื้อแดงอีกจำนวนมาก) ยังมีทัศนะคับแคบ มองอะไรไม่ต่างจากอีลีตทั่วไปนัก กล่าวคือ การที่มี "อำมาตย์" จำนวนหนึ่งอยากล้มยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แปลว่า จู่ๆ เขาจะล้มได้ นอกจากว่า พวกนั้นไม่ใช่เทวดาที่จะเสกให้อะไรเกิดขึ้นตามใจชอบ (และประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องของ "พรหมลิขิต" ที่กำหนดไว้ตายตัว) การเมืองสมัยใหม่ มันเป็นเรื่องระดับมวลชน เรื่องระดับ "สาธารณะ" เอาชนะกันในเรื่อง "public opinion" (ความเห็นสาธารณะ) ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องแค่คนไม่กี่คน "วางแผน" กันแล้วก็เกิดขึ้นได้
ตลอด ๒ ปีกว่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ม็อบโน้น ม็อบนี้ พยายาม "ก่อหวอด" ไม่รู้กี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีน้ำยาอะไร แม้แต่ม็อบ กปปส. และการรัฐประหาร ๒๒ พฤษภา เอง ก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่า (ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ที่การรัฐประหารจะต้องใช้เวลา "สร้างสถานการณ์" ในระดับ "สาธารณะ" หรือระดับ "การเมืองมวลชน" ชนิดต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้) จึงถึงจุดที่ทหารรู้สึกว่าสามารถตัดสินใจยึดอำนาจได้
และดังนั้น ปัญหา "จังหวะก้าว" ของฝ่ายทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง จึงมีความสำคัญอย่างมาก ความจริงที่ทักษิณหรือยิ่งลักษณ์หรือคนในพรรคเพื่อไทย หรือเสื้อแดงเองจำนวนมาก พยายามหลับตา และทำเป็นลืม ไม่ยอมกล่าวถึง (จนวินาทีนี้) คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ของ "พ.ร.บ.เหมาเข่ง" ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่เปิดทางให้มีการล้มรัฐบาลได้สำเร็จ
ผมมองว่า เสื้อแดงจำนวนมาก แม้แต่คนที่คัดค้าน "เหมาเข่ง" ยังไม่ตระหนักถึงนัยของความผิดพลาดครั้งนั้นอย่างรอบด้านแท้จริง เช่น พวก "ซ้าย" ในหมู่เสื้อแดง ทีคัดค้าน "เหมาเข่ง" จะเน้นไปที่ "ให้อภัยฆาตกร" ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ซึงก็จริง แต่ปัญหามันมากกว่านั้น
กรณี "เหมาเข่ง" นอกจากสะท้อนลักษณะคับแคบ เห็นแก่ตัว คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์แคบๆ ของตน ของทักษิณ-แกนนำเพื่อไทย แล้ว ที่สำคัญที่สุด (และจริงๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกัน) มันสะท้อนปัญหา #ความไม่เป็นประชาธิปไตยหรือการเมืองแบบไมใช่ประชาธิปไตยของพลังส่วนนี้เองด้วย นั่นคือ
(ก) ลักษณะการสามารถ "บงการ" หรือ "สั่ง" ให้(กล่าวได้ว่า)ทั้งพรรค ทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะไม่มีเหตุผล ไม่ถูกต้องและเสียงภัยขนาดนั้น คงไม่ต้องเตือนความจำกันมากกระมังว่า เพื่อไทย เป็นเอกฉันท์กันขนาดไหนในการดัน "เหมาเข่ง" แม้แต่ระดับประเภททีก่อนหน้านั้น ออกมามีท่าทีแบบ "พวกมีหลักการ" (สุนัย, อ.จา ฯลฯ) ก็พากันออกมาเชียร์หมด
สิ่งทีทักษิณ-เพื่อไทย และเสื้อแดงจำนวนมากไม่ตระหนักคือ ในยุคสมัยการเมืองแบบมวลชนสมัยใหม่นั้น ไมใช่ว่า ขอให้เป็น "ฝ่ายสลิ่ม" แล้ว ก็ต้องไม่ชอบ ไม่เปลี่ยนใจ ไม่เอาทักษิณ แน่ๆ ปัญหามันอยู่ที่วา พวกคุณแสดงออกว่าเป็นอย่างไรกันด้วย ... ประชาชนจำนวนมาก พวกกลางๆ และชนชั้นกลางในเมืองจำนวนมาก (แม้แต่ระดับพวกทีเรียกว่า "สลิ่ม") ไม่ใช่ว่าอย่างไรเสียก็ "ไม่เอาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ตลอดกาล อะไรแบบนั้น แต่พวกเขาไม่มีวันที่จะสนับสนุน หรือชอบพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่มีลักษณะเป็น "บริษัท(ชินวัตร)จำกัด" แบบนี้ ที "นายใหญ่" สั่งให้ทำอะไร แม้จะไม่มีเหตุผลสมควรขนาดนี้ ทั้งพรรคก็เฮโลกันไปได้ง่ายๆ - #และเฉพาะในประเด็นนี้พวกเขามีเหตุผลอยู่จริงๆ จนบัดนี้ ผ่านไปปีเศษหลัง "เหมาเข่ง" (และ ๑ ปีพอดีของรัฐประหาร) ยังไม่มีแนวโน้มเลยว่า ความสัมพันธ์ภายใน หรือลักษณะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย (ความเป็น "บริษัทชินวัตรการเมืองจำกัด") จะมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็น
(ข) ต่อเนื่องกัน และเป็นประเด็นที่ผมพูดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น แต่แม้แต่เสื้อแดง "ก้าวหน้า" ก็ไม่ค่อยเก็ต เพราะไปเน้นประเด็นเรื่อง "ยกโทษฆาตกร" อะไรเป็นหลัก นั่นคือ #กรณีเหมาเข่งนั้นเป็นการทำลายกระบวนรัฐสภาเอง คือการที่นักการเมือง "สัญญา" เป็นมั่นเป็นเหมาะ จนวินาทีสุดท้าย ว่าจะไม่ทำอะไรที่สำคัญอย่างหนึง แต่สุดท้ายก็ใช้วิธี "ลักหลับ" ทำสิ่งนั้นไป อย่างผิดกระบวนการรัฐสภาด้วย (ดัน พรบ.เหมาเข่ง ที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาวาระแรก ให้ผ่านวาระ ๒ และ ๓ กลางดึก-เช้ามืด)
นี่คือการทำลายความชอบธรรมของหลักการ "การปกครองโดยเสียงข้างมาก" ซึ่งเป็น "จุดแข็ง" หรือความชอบธรรมที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเอง ทำให้การวิจารณ์ของอีกฝ่ายประเภท "มีเสียงข้างมากแล้ว ถือว่าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ" กลายเป็นเรือง "ฟังขึ้น" ขึ้นมา นั่นคืออาศัยเสียงข้างมากมาทำลายกระบวนการปกติของสภาเอง
................
ความจริง ยังมีความผิดพลาดทีสำคัญมากอีกอย่าง ที่เพื่อไทย-เสื้อแดง จำนวนมาก ไม่เคยยอมเผชิญกับความจริงนั้น คือเรื่องการใช่อาวุธในหมู่คนเสื้อแดงส่วนหนึงตลอดช่วงวิกฤต กปปส. ..เรื่องนี้ดังที่ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า สักวันเมื่อทุกฝ่ายพร้อมจะเผชิญความจริง (อีกฝ่าย พร้อมจะยอมรับให้จัดการความผิดของการรัฐประหารยึดอำนาจ) จึงจะสามารถนำมาอภิปรายกันเต็มที่ได้ .. ในที่นี้ อยากจะเสนอให้คิด (โดยเฉพาะสำหรับเสื้อแดง) ว่า
คิดแบบ "สามัญสำนึก" ง่ายๆ เลย การใช้อาวุธในขณะมีรัฐบาลที่พวกคุณเชียร์อยู่ในอำนาจ มีแต่ทำให้รัฐบาลเสีย บางทีผมก็คิดแบบกึ่งขำ ส่ายหัว อะไรแบบนั้นเลยนะว่า ทำไมคนที่ใช้ ถึงคิดไม่เป็น(วะ) พวกคุณเองเป็นรัฐบาล คุณใช้อาวุธ คนที่แย่คือรัฐบาลพวกคุณเอง ที่ "คุมสถานการณ์ไม่ได้" มีคนเจ็บคนตายอยู่ตลอดเวลา และเป็นข้ออ้างอย่างดีให้ทหารเข้ายึดอำนาจ (ประยุทธ ยังคงเอามาอ้างจนทุกวันนี้)
(ผมตระหนักดี เรื่องที่ว่า มีเสื้อแดงเอง เช่น ที่รามฯ หรือตำรวจบางคน เสียชีวิต โดนทำร้าย แต่วิธีจัดการเรื่องนี้ ไมใช่ด้วยวิธีแบบนี้ และความจริงคือ ผลของความรุนแรงส่วนใหญ่ และเหยื่อส่วนใหญ่ตลอดวิกฤตนั้น คือ กปปส. พูดอีกอย่างคือ ฝ่ายเสื้อแดงทีติดอาวุธ เป็นฝ่ายลงมือใช้วิธีนี้มากกว่า และใช้อย่างชนิดมั่วซั่วไปหมดมากกว่า)
ที่พูดนี้ในเชิง "แท็กติก" ล้วนๆ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเชิงหลักการทีว่า คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ (เด็ก เป็นต้น) หรือแม่แต่เป็นคนที่เป็น "มวลชน" กปปส.ก็จริง แต่เขาไม่ได้มีอะไรที่ผิดที่ถึงกับต้องมาตายกันแบบนั้น
ในการมองของผม ความน่าสนใจของคลิปสัมภาษณ์ทักษิณที่เกาหลี คงไม่ใช่เรื่องเนื้อหาเท่าไรนัก (ยกเว้นประเด็นหนึ่งที่ผมจะกล่าวถึ...
Posted by Somsak Jeamteerasakul on Thursday, May 21, 2015