xs
xsm
sm
md
lg

คสช. ทบทวนการใช้ อำนาจ “อันลิมิเต็ด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

ในขณะที่คนเมืองกำลังสะใจกับ “ปฏิบัติการไร่ลื้อ ทวงคืนผืนป่า” จากภาพทหารบุก “โบนันซ่า” ซึ่งตอนนี้เรื่องก็ทำท่าจะหายเข้ากลีบเมฆ มีแต่ภาพโชว์แต่ยังหาภาพไล่รื้ออย่างฉับพลันทันทีเหมือนที่เกิดขึ้นกับคนตัวเล็กตัวน้อยไม่เจอ

นอกจากการอ้างกระบวนการตามกฎหมาย แต่ตอนรื้อของชาวบ้านกลับทำได้ทันที โดยไม่มีกฎหมายผูกมัด

ภาพผ่านสื่อที่ดูเหมือนว่า คสช.จัดการผู้มีอิทธิพล นายทุนที่กอบโกยทรัพยากรชาติ จึงมีด้านมืดที่เป็นความทุกข์ทั้งแผ่นดินของประชาชนซ่อนอยู่ โดยมิอาจส่งเสียงร้องออกมาได้ เพราะสังคมไทยกำลังถูกบังคับให้

“เป็นใบ้เพื่อความสงบ”

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้อำนาจที่ไปสร้างทุกข์ให้ชาวบ้านนั้น จะเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้มวลชนผิดหวังการบริหารของ คสช.

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่จังหวัดฉะเชิงเทราก็เพิ่งเกิดเหตุการเผชิญหน้าระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติการไร่ลื้อ “ชุมชนบ่อบัว” ทั้งๆ ที่ปัญหานี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับกระทรวงคมนาคม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ โดยมี พ.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร เป็นประธานแก้ไขปัญหากับสลัมสี่ภาค ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการเจรจาก็เป็นไปอย่างราบรื่น มีการชะลอการบังคับคดี รังวัดพื้นที่เพื่อให้เกิดความชัดเจนระหว่างที่นายทุนกับการรถไฟฯ

แต่ในขณะนี้กลับมีความพยายามที่จะฉวยโอกาสไล่รื้อทั้งที่กระบวนการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ

จนทำให้ชาวบ้านต้องรวมตัวกันถึงขั้นระดมยางรถยนต์ทำบังเกอร์ปิดทางเข้าชุมชนเพื่อสกัดการไล่รื้อซึ่งจะเกิดในวันที่ 14 พ.ค. 58 ในขณะที่รัฐบางไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ที่จะเข้าไปตรวจสอบว่าการกระทำครั้งนี้เป็นธรรมกับชาวบ้านหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ถูกส่งไปไล่รื้อชุมชนบ่อบัว กลับไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแต่แต่งกายด้วยชุดดำ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นคนของนายทุนที่หน่วยงานรัฐนอกจากจะทำเป็นหลับตามองไม่เห็นแล้ว ยังอำนวยความสะดวกร่วมปฏิบัติการด้วย ถึงขนาดตำรวจแสดงท่าทีดีใจที่จะได้ไล่รื้อชุมชน ทั้งที่มีหน้าที่ดูแลสถานการณ์ไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนของนายทุนกับชาวบ้านที่กำลังขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

สถานการณ์ที่ชุมชนบ่อบัว จังหวัดฉะเชิงเทรา จะเป็นอีกหนึ่งดัชนีที่บ่งชี้ว่า การคืนสุขให้คนไทยของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นส่อว่าเป็นแค่วาทกรรม และที่ทำสำเร็จได้เพียงเรื่องเดียวคือ การทำให้ประชาชนรู้สึกเหมือนว่าบ้านเมืองสงบเพราะไม่มีการชุมนุมเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นยังไม่มีแก่นสารใดๆ ให้จับต้องได้

แต่ยิ่งนานวันความสงบที่ คสช.ภูมิใจนักหนาว่า “เอาอยู่” เพราะ “ทักษิณ” “เอาด้วย” จะสะสมแรงกดดันมากขึ้นทุกขณะและอาจลุกลามไปถึงขั้น คสช.เอาไม่อยู่แม้ว่าทักษิณจะเอาด้วยก็ตาม

เพราะในขณะนี้สิ่งที่ถูกมองข้ามไปคือการละเมิดสิทธิชุมชนโดยใช้อำนาจพิเศษจนทุกข์ทั้งแผ่นดิน

ยิ่งล่าสุดมีนโยบายจะทำแลนด์มาร์คเจ้าพระยา โดยค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่มีการทำอีไอเอตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในมาตรา 67 ของรัฐ
ธรรมนูญปี 50 ที่ถูกฉีกทิ้งไป

แม้จะตีฆ้องร้องป่าวว่าเป็นการจัดระเบียบริมน้ำเจ้าพระยา ที่ชาวบ้านบุกรุกและเตรียมเงินไว้หลายหมื่นล้านที่จะชดเชยเยียวยา แต่เชื่อเถอะว่านี่คือระเบิดลูกใหญ่ที่รัฐบาลจุดชนวนเมื่อไหร่ ก็จะได้เห็นการลุกฮือของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างแน่นอน

การอ้างแต่ว่าต้องทำให้ถูกกฎหมายเพราะปล่อยปละละเลยมานาน ถ้าทำอย่างละมุนละม่อมมีขั้นมีตอนให้ชาวบ้านได้ขยับขยาย แทนการหักคอให้ยอมจำนน ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี

แต่การเพลิดเพลินกับอำนาจพิเศษโดยลืมคิดว่า อำนาจที่แท้จริงเป็นของประชาชนเจ้าของประเทศ จะเป็นหนามยอกอกที่แทงเข้าขั้วหัวใจของ คสช.โดยไม่ทันตั้งตัว

ไม่เว้นแม้กระทั่งโครงการเหมืองแร่ต่าง ๆ ที่เร่งออกทั้งอาชญาบัตร (สำรวจ) และ ประทานบัตร (ทำเหมือง) โดยไม่สนใจผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชน รวมไปถึงการอนุมัตงบกว่าแสนล้านเพื่อทำโครงการบริหารจัดการน้ำที่ถูกศาลปกครองสูงสุดสั่งระงับเพื่อให้ไปดำเนินการทำประชาพิจารณ์ตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ก็เป็นอีกโครงการยักษ์ที่จะกระทบต่อชุมชนโดยตรง

ความทุกข์ของชาวบ้านที่ คสช.มองข้ามและประชาชนมองไม่เห็น เพราะถูกโฟกัสให้จับจ้องไปที่การกวาดล้างนายทุน ทั้งที่บทสรุปยังไม่ชัดว่าจะจัดการได้จริงหรือที่สุดแล้วก็ซูเอี๋ยให้ประชาชนชื่นหัวใจแค่ภาพมายาที่ไม่ใช่ของจริง

การเคลื่อนไหวของประชาชนที่จะก่อตัวขึ้น จึงมีความแตกต่างจากการออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ขาดธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายใช้อำนาจเพื่อพวกพ้อง จนทำให้คนไทยออกมาแสดงพลังไม่ยอมรับการบริหารอย่างทรราช

กรณีของ คสช.จะเกิดจากการใช้อำนาจโดยไม่มีขีดจำกัด กระทั่งทำให้ประชาชนเดือดร้อน แม้ว่าในเมืองกรุงจะยังชื่นชม “ลุงตู่” ที่ดูเหมือนว่าทำอะไรก็ถูกใจไปหมดนั้นกำลังเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งรอบใหม่ ที่ไม่ใช่เกิดกับรัฐและประชาชนเท่านั้น

แต่จะสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนที่สนับสนุนทหารเพราะเกลียดทักษิณ กับชาวบ้านที่กำลังทุกข์ยากเพราะการใช้อำนาจแบบอันลิมิเต็ดของ คสช.

ดังนั้นหาก คสช.อยากให้บ้านเมืองสงบจริง ต้องกลับมาทบทวนการใช้อำนาจของตัวเอง พยายามใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุดและใช้กฎหมายพิเศษให้น้อยที่สุด

นั่นจึงจะเป็นการดึงฟืนออกจากกองไฟ แทนที่จะเป็นการเทน้ำมันราดเข้ากองเพลิง

อย่าให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการปฏิรูปบ้านเมือง เพราะผู้ปกครองเหลิงอำนาจ
กำลังโหลดความคิดเห็น