“รัฐมนตรีช่วยกลาโหม” ยังไม่รู้นายพลเกี่ยวค้าโรฮีนจา ยันปรับย้ายกำลังพลตามประสิทธิภาพ ชี้จัดพื้นที่ให้แค่ควบคุมไม่ใช่ตั้งศูนย์ ด้านโฆษกกลาโหมเผย “ประวิตร” เข้มไม่ให้มีค้ามนุษย์อีก พร้อมบี้ตำรวจนำคนชักใยมาลงโทษ
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่กองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (รมช.กห.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเอกสารบัญชีธนาคารนายทหารยศนายพลที่ถูกตรวจพบระหว่างการถูกจับกุมในคดีขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งมาจากทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ที่ผ่านมากองทัพบกได้มีการปรับย้ายกำลังพลของกองทัพบก ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการหมุนเวียนตำแหน่งแต่ไม่ได้เป็นความผิดของทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นอกจากนี้จะดูประสิทธิภาพในการดูแลในพื้นที่ ถ้าจุดใดได้มอบหมายภารกิจให้ปฏิบัติแล้ว ในพื้นที่ไม่เกิดความเรียบร้อยตามที่เรากำหนดไว้ก็จะต้องมีการปรับย้าย จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดปกติอะไร จุดใดก็ตามที่ผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบกได้จำเป็นจะต้องมีการหมุนเวียนให้ผู้ที่มีความสามารถมากขึ้นมาดูแล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานของกองทัพ ทั้งนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดโดยตรง แต่อาจจะอยู่ในข่ายเป็นผู้รู้จักมักคุ้น หากอยู่ในพื้นที่ก็จำเป็นต้องมีการหมุนเวียนออกจากพื้นที่ไป
เมื่อถามถึงกรณี การตั้งศูนย์พักคอยชาวโรฮีนจานั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคยบัญชาให้ดูพื้นที่ที่ที่อาจจะมีความจำเป็น เพราะหากชาวโรฮีนจาที่ลักลอบเข้ามามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายถึงจากผู้ที่หลบซ่อนอยู่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามกวดขันให้ออกมาอยู่รวมกันตามกฎหมาย ถ้ามีจำนวนไม่เกินความสามารถของตำรวจซึ่งจะต้องดูแลตามกฎหมายก็ไม่เป็นไร คงไม่ต้องมีการจัดตั้งศูนย์พักคอย แต่ถ้าเกินไปกว่านั้นทางนายกรัฐมนตรีเคยบัญชาให้เตรียมพื้นที่ไว้ ขณะนี้เป็นเพียงพื้นที่ในการควบคุมให้เกิดความเรียบร้อยคงไม่ใช่เป็นการตั้งศูนย์ เป็นลักษณะเหมือนกับผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบที่มีอยู่แล้ว 9 แห่งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก ซึ่งเราก็จำเป็นจะต้องมีการเตรียมไว้ แต่ก็สุดแล้วแต่ได้รับคำสั่งให้กำหนดจุดอย่างไร ถ้ารัฐบาลสั่งการมา กองทัพก็จะให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้ถ้ารัฐบาลพิจารณาต่อไป ส่วนขยายพื้นที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลานั้น ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่จะดูแลในส่วนนี้ ถ้าเป็นจุดเดิมแล้วมีการขยายให้สามารถดูแลได้ตามหลักสิทธิมนุษยชนได้ครอบคลุมคงจะดำเนินการไป แต่ถ้าแออัดก็คงต้องหาพื้นที่เพิ่มเติมเท่านั้น
ทางด้าน พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในการเดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกส่วนราชการต้องร่วมกันดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งมาตรการป้องกัน การสกัดกั้น และทำลายเครือข่ายการค้ามนุษย์ให้หมดไปจากประเทศไทยให้จงได้ โดยจำเป็นต้องทำงานร่วมกันทุกส่วนราชการในระดับพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งระบบ และต้องไม่ให้เกิดเป็นขบวนการขึ้นอีกโดยเด็ดขาด สำหรับคดีที่เกิดขึ้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ขอให้ตำรวจเร่งรัดนำผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และกำชับสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการออกหมายจับและอายัดทรัพย์ต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในทุกพื้นที่ โดยไม่มีการยกเว้น พร้อมทั้งให้ตำรวจเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการต่อ “ศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรีและปราบปรามการค้ามนุษย์” ที่จัดตั้งขึ้นอย่างจริงจัง รวมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดในพื้นที่สร้างความเข้าใจและกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการ ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ที่เพิ่งประกาศใช้อย่างเคร่งครัดและจริงจัง พร้อมกับมอบให้แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมร่วมกับทุกส่วนราชการในพื้นที่เพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันตามนโยบายของรัฐบาล