เกาะกระแส
00 น่าจะกลายเป็นเรื่องให้ต้องเมาท์กันได้อีกยาว สำหรับโครงการจัด"ซื้อเรือดำน้ำ"สองลำของกองทัพเรือ มูลค่ากว่า"สามหมื่นหกพันล้านบาท"ใช้งบผูกพันประมาณ 9 ปี ที่ "แอบ"เสนอเป็น"วาระจร"โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ทำหน้าที่รักษาการนายกฯในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ที่ต้องระบุว่าแอบเพราะมีการปิดเงียบ หลังจากที่มีการอนุมัติใหั "ศึกษารายละเอียด"จำนวน 200 ล้านบาท เพราะไม่มีการแถลงให้ประชาชนได้รับทราบเลยแม้แต่น้อย
00 ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากจำนวนงบประมาณก็ต้องบอกว่าจำนวนมากจริงๆ เพราะเพียงแค่งบสำหรับใช้ศึกษารายละเอียดยังใช้ถึง 200 ล้านบาท ธรรมดาเสียที่ไหน และเชื่อว่าตามจังหวะก้าวคงจะกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับเสนอรายละเอียด ทั้งราคา รุ่น และประเทศผลิตออกมาในช่วงนำเข้าครม.ในอีกราว 2-3 เดือนข้างหน้า และยังเชื่อว่า "ต้องเป็นวาระจร"เช่นเดิม เพราะนี่คือ"เรื่องลับ"เกี่ยวกับความมั่นคงเสียด้วย ขณะเดียวกันต้องจับตากันอีกครั้งว่า เมื่อถึงเวลา "บิ๊กตู่"จะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือเปล่า !!
00 พูดถึงเรื่องซื้อเรือดำน้ำ มีเสียงกังขาว่าไทยเรามีความจำเป็นแค่ไหน เพราะจะว่าไปแล้วเรามีทะเลอ่าวไทย ที่ตื้น และทะเลฝั่งอันดามัน ไม่จำเป็นต้องไปปกป้องช่องแคบมะละกา ถามว่าระหว่างเรือฟริเกต กับเรือดำน้ำอย่างไหนน่าจะจำเป็นมากกว่ากัน หรือว่าระบบอาวุธสำหรับ "ปราบปรามเรือดำน้ำ"อย่างไหนน่าสนใจกว่า อย่างเรือฟริเกต ยังใช้เอนกประสงค์ใช้เรื่องกู้ภัย เหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศมากกว่าหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เราไม่มีเงิน เพราะกำลัง"ถังแตก"ต้องใช้หนี้จากโครงการรับจำนำข้าวที่ "แม่นางประชาธิปไตย"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำฉิบหายวายป่วง รวมไปถึงต้องแบกรับภาระหนี้จากโครงการกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกกว่า 2 ล้านล้านบาทภายในเวลา 8 ปีนับจากนี้ ตามหนังสือชี้แจงและแสดงเหตุผลแบบแท็กทีมของ รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาฯสภาพัฒน์ฯว่าทำไมถึงต้องค้านการจัดซื้อ"เรือดันน้ำ"เอ้ย เรือดำน้ำ ที่นำเสนอโดย "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
00 อย่างไรก็ดีก็ต้องรอดูท่าทีของ นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะว่าอย่างไร จะไฟเขียวหรือไม่ หรือว่าจะหันมาขึ้นเสียงเอากับฝ่ายที่ขัดคอขึ้นมาอีก ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงเป็นเรื่องขึ้นมาอีก เพราะไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ท้วงติงได้ เพราะต้องใช้เงินงบประมาณในการจัดซื้อ และที่ผ่านมาก็มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า "ซื้อมาแล้วไม่คุ้ม"หรือ ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้เสียเงินเปล่า ตัวอย่างที่เห็นก็มี "เรือเหาะ"ที่เวลานี้ไม่มีใครอยากพูดถึงกันแล้ว !!
00 ต้องบอกว่า การสังหารหมู่ชาวโรฮิงญา บนเทือกเขาชายแดนไทย และตามเกาะในเขตอันดามัน กำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องอ่อนไหวในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในระดับยูเอ็น รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป เช่น อียูหรือสหภาพยุโรป ที่กำลังขีดเส้นตายให้ไทยแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์และการทำประมงผิดกม.ให้เป็นรูปธรรม ไม่เช่นนั้นจะบอยคอตเลิกซื้อสินค้าจากไทย ดังนั้นการสังหารหมู่ดังกล่าวสะท้อนใหัเห็นว่า "มีการค้ามนุษย์" เป็นการตอกย้ำให้หนักแน่นขึ้นมาอีก บอกได้คำเดียวว่า "สาหัส"จริงๆพี่น้อง จากเดิมที่ทั้ง สหรัฐฯและยุโรป ตั้งแง่เอากับเราหลังจากมี คสช.เป็นต้นมา ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากเรามีมาตรการจัดการเด็ดขาดก็น่าจะดีขึ้น หากโชคดีก็น่าจะ"สอบผ่าน"นะ !!