xs
xsm
sm
md
lg

“สุภิญญา” ทวีตเผย “บอร์ด กสท.” อ้างฉุกเฉิน ลัดคิวฟัน Peace TV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สุภิญญา กลางณรงค์” เสียงส่วนน้อย 4 : 1 ในมติ กสท. สั่งเพิกถอนใบอนุญาตช่อง Peace TV แฉ บอร์ดอ้างเหตุผลฉุกเฉิน ลัดคิวฟัน ระบุ กสทช. ควรให้กระบวนการกฎหมายปกติ ตามมาตรา 37 พิจารณาโทษก่อน ที่จะไปใช้ประกาศ คสช. และ MOU ตั้งแต่แรก

วันนี้ (27 เม.ย.) มีรายงานว่า นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้โพสต์ทวิตเตอร์ @supinya กล่าวถึงกรณีมติ กสท. สั่งเพิกถอนใบอนุญาตช่อง Peace TV โดยระบุว่า

วันนี้ เสียง กสท. เพิกถอน Peace TV ด้วย 4 : 1 ดิฉันเป็นเสียงเดียวที่ลงมติไม่เห็นชอบ พร้อมเปิดเผยความเห็นในรายละเอียดต่อไป ดิฉันเห็นว่า กสทช. ควรให้กระบวนการกฎหมายปกติของ กสทช. คือมาตรา 37 ในการพิจารณาโทษก่อน ที่จะไปใช้ประกาศ คสช. และ MOU ตั้งแต่แรก

อำนาจ กสทช. มีอยู่แล้วตามมาตรา 37 คือ เตือน ปรับขั้นต้น ปรับขั้นสูง พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต แต่ กสท. ข้ามไปใช้ประกาศ คสช. และข้อตกลงแทนแต่แรกแม้ในทางกฎหมาย กสท. จะมีสิทธิ์อ้างอำนาจประกาศ คสช. และข้อตกลงได้ แต่เนื้อหาของช่องดังกล่าวเป็นการพูดข้อมูลด้านเดียว ยังไม่ถึงขั้นปลุกปั่นยุยง

ดังนั้น เท่าที่ดูเนื้อหาที่ฝ่ายมั่นคงร้องเรียนมา ถ้าจะมีความสุ่มเสี่ยง ก็คือ การให้ข้อมูลด้านเดียว ถ้ามีความผิดควรใช้การปรับตามมาตรา 37 ก่อน หลักการคือถ้ามีบางรายการเข้าข่ายสุ่มเสี่ยง แต่การเพิกถอนใบอนุญาต ให้ยุติทั้งสถานี ในมุมมองของดิฉันถือว่าอาจเป็นการลงโทษที่เกินสัดส่วน

นางสาวสุภิญญา เห็นด้วยในหลักการว่า กสทช. ควรกำกับดูแลช่องทีวีให้เข้มขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาการผลิตซ้ำความเกลียดชังและการปลุกปั่น แต่ต้องไม่เกินกว่าเหตุ การใช้อำนาจต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม ไต่ระดับ ไม่ใช่จากที่ไม่ค่อยจะใช้อำนาจ กระโดดไปใช้อำนาจแบบสูงสุด ที่สำคัญ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ ถ้าเราดูในบริบทภาพรวมที่ กสทช. ก็อนุญาตให้ช่องอื่นๆวิจารณ์การเมือง ให้ข้อมูลด้านเดียวได้ การเพิกถอนบางสถานีอาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติได้

ในส่วนของกระบวนการ ปกติเวลามีเรื่องร้องเรียนเข้ามา จะส่งให้อนุกรรมการเนื้อหากลั่นกรอง และเชิญผู้รับใบอนุญาตมาชี้แจงก่อน แต่คราวนี้ไม่มี การลงมติ 4 : 1 เพิกถอนใบอนุญาตช่อง PeaceTV รอบนี้ เข้ามาครั้งแรก ไม่ผ่านอนุฯ ก็ลงมติเลย อ้างเหตุฉุกเฉินในการไม่ให้ผู้รับใบอนุญาตได้ชี้แจงก่อน

“บอร์ด กสท. ให้เหตุผลว่าการต้องรีบตัดสินเพิกถอนใบอนุญาตช่อง PeaceTV เพราะจะมีผลกระทบร้ายแรงต่อสาธารณะ ทั้งที่ สนง. ยังไม่ได้ถอดเทปครบเลย เท่าที่ดูเนื้อหาเบื้องต้น หลักๆ คือ การวิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งดิฉันคิดว่าอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ แม้จะใช้ลีลาเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา”

ข้ออ่อนคือผู้ดำเนินรายการช่อง PeaceTV ใช้วิธีพูดคนเดียว พูดข้างเดียว เหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่ถ้าเนื้อหายังไม่ล้ำเส้น ควรเตือนก่อนหรือถ้าบางประเด็นละเอียดอ่อน เช่น กรณีระเบิดที่สมุยที่วิจารณ์ ใส่ความรัฐบาลข้างเดียว ถ้าผิดจริงก็ควรใช้การปรับก่อนเหมือนช่องทีนิวส์ก่อนนี้

จากที่ฟังช่อง PeaceTV ไม่ได้ใช้ภาษาหยาบเหมือนอีกช่องของกลุ่มการเมืองเดียวกัน เพียงแต่เนื้อหาอาจเข้าข่ายเป็นการวิจารณ์อำนาจรัฐแบบไม่ไว้วางใจ วันนี้มีเรื่องร้องเรียนช่อง TV24 ด้วย ซึ่งมีการเสนอให้ปรับตามมาตรา 37 และให้ กสทช. ฟ้องหมิ่นประมาทเขา แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยข้อหลัง เลยยังไม่สรุปช่อง TV24 จริงๆ ก็เป็นการวิจารณ์ กสทช. และรัฐบาลในการทำงาน แต่มีประเด็นผู้ดำเนินรายการบางท่าน ใช้ภาษาที่อาจจะหยาบคาย แม้พูดในลำคอ

ดังนั้น กรณีช่อง TV24 ดิฉันไม่เห็นด้วยที่จะไปฟ้องหมิ่นประมาทเขา ที่เขามาวิจารณ์ กสทช. แต่ถ้าจะปรับฐานใช้ภาษาหยาบคาย ตามมาตรา 37 ดิฉันเห็นด้วยจากที่ดูเนื้อหาด้วยใจเป็นธรรม ช่องการเมืองเลือกข้างทั้งสอง ยังไม่ถึงขั้นปลุกปั่น แบ่งสี หลักๆ คือ วิจารณ์ผู้มีอำนาจรัฐ คนร่าง รธน. และ กสทช. อาจมีบางสิ่งที่ดูขัดรสนิยม หรือมาตรฐานจรรยาบรรณไป ถ้าผิด ก็ควรลงโทษแบบไต่ระดับ เบาไปหนักตั้งแต่แรก ที่สำคัญ ควรเปิดให้เขาชี้แจงก่อน เพราะความคิดเห็นทางการเมืองมันขึ้นอยู่กับดุลพินิจมาก ไม่เหมือนเรื่องโฆษณาผิดกฎหมาย อย. ที่มีหลักเกณฑ์ความผิดชัดเจน ดังนั้นควรให้เขาชี้แจง




กำลังโหลดความคิดเห็น