xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกายกฟ้อง"สนธิ" ถูกป่าไม้ฟ้องหมิ่นประมาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงราย-ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง "สนธิ ลิ้มทองกุล" คดีถูกป่าไม้ฟ้องหมิ่นประมาท กล่าวหาปราศรัยระบุอดีตหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำแม่สลองยกพวกป่วน ปาประทัดยักษ์เวทีสวนลุมพินีปี 49 หลังสู้คดียืดเยื้อ ศาลชั้นต้นและอุธรณ์ สั่งจำคุก 1 ปี และ 1 ปี 6 เดือนตามลำดับ "สนธิ" ย้ำไม่เคยคิดหนี พร้อมยอมรับคำพิพากษา ลั่นหากตัดสินจำคุก ก็พร้อมเดินเข้าคุก เผยมีชาวบ้าน ข้าราชการรู้ข่าวหอบดอกไม้แสดงความยินดีถึงหน้าศาล

วานนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงรายได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 2 ศาลจังหวัดเชียงราย กรณีนายเก่งกาจ ศรีหาสาร อดีตหัวหน้าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำแม่สลอง กรมป่าไม้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ข้อหาหมิ่นประมาท กรณีนายสนธิได้ไปปราศรัยที่วัดตะพงนอก จ.ระยอง เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2549 โดยระบุว่า เมื่อครั้งมีการจัดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 15 ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ นายเก่งกาจได้พาพวกป่าไม้ไปป่วนเวทีปราศรัยดังกล่าว โดยมีการขว้างประทัดยักษ์เข้าไปขณะมีการปราศรัย จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน และคดียืดเยื้อจนถึงศาลฎีกา เนื่องจากศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ได้พิพากษาให้จำคุกนายสนธิมาโดยตลอด

โดยผู้พิพากษาได้แจ้งว่าคดีถือเป็นว่าถึงที่สุดแล้ว กรณีที่จำเลยมีการแจ้งผลการตัดสินของศาลฎีกาในคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันมาประกอบด้วยนั้น ศาลเห็นว่าไม่เข้ากัน เนื่องจากผลการพิจารณาคดีของศาลฎีกาได้ออกมาแล้ว

จากนั้นผู้พิพากษาได้เริ่มอ่านคำพิพากษา เริ่มตั้งแต่การที่นายเก่งกาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ และต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่ามีมูลจึงรับเรื่องไว้ ก่อนจะมีการตัดสินว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดี และศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิจารณาคดีแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่มีเหตุบรรเทาโทษ จึงให้ลดโทษลงเหลือจำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา

สำหรับกรณีศาลฎีกา ได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันแล้วและให้ยกฟ้อง โดยจำเลยสามารถตรวจสอบรายละเอียดของคำพิพากษาจากสำเนาคำตัดสินของศาลฎีกาได้ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว นายสนธิได้ขออนุญาตพูดต่อหน้าศาลว่าที่ผ่านมา ตนไม่เคยหนีศาล แม้ว่าศาลฎีกาจะตัดสินผลของคดีออกมาเป็นอย่างไร ตนก็จะปฏิบัติตามนั้นโดยไม่หนี เพราะศาลถือเป็นที่พึ่งของประชาชน หากไม่พึ่งศาลแล้วก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ศาลยังถือเป็นที่พึ่งของสังคมด้วย จากนั้นนายสนธิและผู้ติดตามอีกราว 3-4 คนได้ขอบคุณ และลาผู้พิพากษาก่อนเดินทางออกจากห้องพิจารณาคดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รอคัดสำเนาคำตัดสินนั้น ปรากฏว่าฝ่ายโจทก์ไม่ได้ไปร่วมรับฟังคำพิพากษาด้วย ทำให้มีการนัดให้นายเก่งกาจไปรับฟังเพื่อให้การตัดสินมีความครบถ้วนจึงจะคัดสำเนาคำพิพากษาได้ ทำให้นายสนธิและทีมงานเดินทางออกจากศาล จ.เชียงราย แต่ขณะที่นายสนธิกำลังเดินทางกลับได้มีประชาชน และข้าราชการหลายกลุ่มที่ทราบข่าวพากันไปแสดงความยินดีด้วย เช่น นายกนก วิศวกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.เชียงราย

นายสนธิกล่าวว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่อธิบายอย่างชัดเจนแล้วว่านายเก่งกาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่พาคนไปที่เวทีสวนลุมพินี ดังนั้น ตนจึงมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเองได้ ตนไม่ดีใจหรือเสียใจใดๆ ที่ชนะในคดีนี้ เพราะก่อนหน้านี้ตนได้ทำใจเอาไว้แล้ว เพราะศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ได้พิพากษาให้จำคุกตนมาแล้ว เมื่อถึงขั้นของศาลฎีกาตนก็พร้อมหากว่าจะต้องมีการรับโทษ ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่หนี เพราะกระบวนการยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งของประชาชน แม้ว่าตนอาจจะไม่พอใจในคำตัดสินของศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ แต่ก็ไม่ติดใจ เพราะถือว่าเป็นคำพิจารณาคดีของศาล

"แม้ศาลฎีกาจะพิจารณาให้ออกมาอย่างไร ผมก็จะไม่หนี และไม่เคยคิดจะหนีอยู่แล้ว และหากกลับไปดูประวัติของผมแล้วไม่เคยมีแม้แต่การแสดงออกว่าจะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยทุกครั้งจะยอมรับคำพิพากษาหากว่าศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิมผมก็ไม่มีข้อขัดแย้ง ถ้าตัดสินให้ต้องจำคุกผมก็พร้อมจะเดินเข้าคุกอย่างหน้าตาเฉย เพราะผมมีหน้าที่ในการต้องรักษาเอาไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมให้คงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์" นายสนธิกล่าวก่อนจะเดินทางกลับ
กำลังโหลดความคิดเห็น