ศาลไม่รับฟ้องคดี “พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม” ฟ้องหมิ่น “ธาริต เพ็งดิษฐ์” แถลงกล่าวหาข่มขู่พยาน คดียกฟ้องอุ้มฆ่า “โมฮัมหมัด อัลรูไวลี” นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย ชี้ให้สัมภาษณ์ตามหน้าที่ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1916/ 2556 ที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ จำเลยในคดีร่วมกับพวกอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ข่าวสด จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1)
โดยฟ้องโจทก์ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 20 พฤษภาคม 2556 ต่อเนื่องกัน นายธาริต จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนใส่ความโจทก์เกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์ ในคดีที่โจทก์ตกเป็นจำเลยร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี ซึ่งต่อมาศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ให้ยกคำร้องการขอเพิกถอนปล่อยชั่วคราว โดยจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 ทำนองว่า โจทก์กับพวกมีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยาน ประวิงคดีและก่ออันตรายและเหตุร้ายประการอื่น ต่อมาจำเลยที่ 2-3 ได้นำข้อความไปเผยแพร่ทางเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ทำนองว่าเนื่องจากปรากฏชัดว่าโจทก์ในคดีนี้กระทำการเข้าข่ายยุ่งเหยิงกับพยาน โดยเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก พยานสำคัญในคดี จึงเห็นควรยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณาไต่สวนถอนประกันปล่อยชั่วคราว และวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ขณะที่เว็บไซต์มติชนระบุทำนองว่าพยานได้ร้องขอให้คุ้มครองพยานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยานเพราะหวั่นกลัวอิทธิพลของโจทก์และพวก เป็นที่รับรู้ของวงการตำรวจ การเมืองของบ้านเราว่ามีเครือข่ายรวมถึงการสนับสนุนจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลหลายคนอันเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน
ต่อมาวันที่ 26 มีนาคม 2556 จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์อีกว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของดีเอสไอว่าภายหลังจากดีเอสไอยื่นเรื่องถอนประกัน พล.ต.ท.สมคิดแล้ว ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนๆ หลายวงการให้ระวังตัว เนื่องจาก พล.ต.ท.สมคิดเป็นตำรวจระดับสูง มีเครือข่ายทั้งฝ่ายดีและไม่ดี และเป็นครั้งแรกที่ภรรยาและลูกชายเอ่ยปากพูดเรื่องความปลอดภัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามกฎหมายและขอให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ มีกำหนด 3 วัน
โดยในวันนี้ พล.ต.ท.สมคิด โจทก์เดินทางมาที่ศาลพร้อมด้วยทนายความ ขณะที่ฝ่ายจำเลยมีเพียงตัวแทนผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งแทน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว พล.ต.ท.สมคิด โจทก์ ในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ตามหนังสืออ้างอิงของสถานทูตซาอุดีอาระเบีย และ พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก พยานสำคัญในคดี ซึ่งระบุว่าโจทก์ใช้อิทธิพลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและข่มขู่พยานหลักฐาน โดยจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าโจทก์เป็นนายตำรวจระดับสูง มีอิทธิพลและพฤติการณ์ข่มขู่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐานในคดี คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 สอดคล้องกับรายละเอียดในคำร้องและคำเบิกความในการขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์ที่ยื่นต่อศาล โดยจำเลยที่ 1 ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดี การให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนจึงเป็นอำนาจของจำเลยที่ 1 ที่สามารถกระทำได้แต่เพียงผู้เดียวในฐานะผู้บังคับบัญชา ภายหลังยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์แล้วก็เป็นการแถลงข่าวเพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน
ต่อมาแม้ศาลจะมีคำสั่งไม่เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์ก็ตาม แต่ศาลก็ได้กำหนดเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวโจทก์เพิ่มเติม จึงแสดงให้เห็นว่าศาลเชื่อในคำร้องของจำเลยที่ 1 บางส่วน แม้ว่าคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 จะเป็นการกล่าวพาดพิงโจทก์บ้างก็ตาม แต่ก็เป็นการแถลงความคืบหน้าของคดีเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (2), (4) จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ส่วนประเด็นที่โจทก์ฟ้องระบุว่าจำเลยที่ 1 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาผ่านทางสื่อหนังสือพิมพ์และทางสื่อเว็บไซต์ออนไลน์นั้น เห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ เป็นการกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับฟังมาจากทางญาติของนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี แต่จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ระบุชื่อและนามสกุลโจทก์แต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นตัวโจทก์ อีกทั้งในคดีดังกล่าวมีจำเลยถึง 5 คน และคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษายกฟ้อง จึงมิใช่เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่3 ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังตามคำฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ส่วนจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 นั้นซึ่งเป็นสื่อมวลชน เมื่อได้นำถ้อยคำแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 ไปลงในหนังสือพิมพ์และทางสื่อออนไลน์ ซึ่งเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ตามที่โจทก์ฟ้องด้วยเช่นกัน คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ภายหลัง พล.ต.ท.สมคิดกล่าวว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องเนื่องจากเห็นว่าการกระทำของนายธาริตชอบด้วยกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ตนเคารพในดุลพินิจของศาล แต่ยังไม่เห็นพ้องด้วยในบางประเด็นซึ่งตนจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ทั้งในประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งต่อไป โดยเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตเพื่อปกป้องตนเองในฐานะที่ได้รับความเสียหายจากคำให้สัมภาษณ์ของนายธาริตผ่านสื่อมวลชน ส่วนคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องตนในความผิดฐานร่วมกันอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลีนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาอัยการได้ยื่นอุทธรณ์นั้น ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์