xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” ไม่หมิ่นแถลงข่าว “พระสุเทพ” เปลี่ยนแปลงสัญญาสร้างโรงพัก 396 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอาญาไม่รับฟ้อง คดี “พระสุเทพ” ฟ้องหมิ่น “ธาริต - ข่าวสด” แถลงข่าวเปลี่ยนแปลงสัญญาสร้างโรงพัก 396 แห่ง จากรายภาคเป็นรายเดียว ชี้ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตรวจสอบตามหน้าที่และมีอำนาจสอบสวน

วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำสั่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ พระสุเทพ ปภากโร แกนนำ กปปส. และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการ, บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน บรรณาธิการ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค 2556 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวหาโจทก์ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากประมูลรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นข้อความเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

โดยในวันนี้ทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความและผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งแทน

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในการอนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2552 โดยให้เป็นการประมูลแบบรายภาคเพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้าง แต่โจทก์ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกสัญญาการประมูลแบบรายภาค และเปลี่ยนแปลงรวมสัญญาเป็นรายเดียว การกระทำของโจทก์มีมูลเหตุทำให้จำเลยที่ 1 เชื่อได้ว่า โจทก์ไม่ทำตามมติคณะรัฐมนตรี ขณะที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้ทำการตรวจสอบโจทก์ตามที่มีการร้องเรียนต่อดีเอสไอ ซึ่งมีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริง ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ และต่อมาจำเลยได้สืบสวนพบว่าโจทก์กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือฮั้วประมูล จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่โจทก์ว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย จากนั้นจำเลยได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการไต่สวนวินิจฉัยเพื่อชี้มูลความผิดดำเนินคดีแก่โจทก์ โดยทาง ป.ป.ช. ก็ได้รับสำนวนไว้วินิจฉัยและกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา

เห็นว่าจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน และไม่มีเหตุจะต้องกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย แต่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ ตามที่ได้มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังดีเอสไอ อีกทั้งโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งจำเลยในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ การให้ข่าวจึงย่อมเป็นหน้าที่ของอธิบดี ซึ่งจำเลยย่อมมีอำนาจในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวได้เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ เนื่องจากใกล้ช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครนั้น เห็นว่า เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน

ส่วนคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.495/2556 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 21 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่ง นายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาพระสุเทพ ว่า เป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่ง ตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีดังกล่าวไว้แล้วนั้น เห็นว่า คดีดังกล่าวมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันกับคดีนี้ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ให้ข่าวยันยันว่าโจทก์เป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรี

แต่คดีนี้การที่จำเลยที่ 1 แถลงข่าวยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงไม่เป็นการใส่ความโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นไปตามอำนาจหน้าที่ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยที่ 2 - 5 ซึ่งได้ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 เผยแพร่ข่าวทางหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสดก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเช่นกัน คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ เปิดเผยภายหลังฟังคำสั่งของศาล ว่า หลังจากนี้ตนจะเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อไป ส่วนจะอุทธรณ์ในประเด็นอะไรบ้างนั้น ต้องกลับไปปรึกษากับพระสุเทพก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น