ศาลอญานัดฟังคำสั่งไต่สวนมูลฟ้อง “พระสุเทพ” ฟ้องหมิ่น “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวกล่าวหาเปลี่ยนรูปแบบประมูลก่อสร้างโรงพักทดแทนจากรายภาคเป็นรายเดียว 27 ม.ค.นี้
ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (19 ม.ค.) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร แกนนำ กปปส. อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายวรศักดิ์ ประยูรศุข, บริษัท ข่าวสด จำกัด และนายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค. 2556 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำเรื่องของเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากรายภาครวมเป็นรายเดียวซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นข้อความเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
โดยวันนี้พระสุเทพได้เดินทางมาตอบข้อซักค้านฝ่ายจำเลยต่อว่า เรื่องการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนตนเคยชี้แจงต่อสื่อมวลชนที่รัฐสภา แต่กรณีที่มีสื่อบางฉบับพาดหัวข่าวว่าเป็นโครงการอัปยศ และมีเนื้อข่าวว่านักการเมืองชื่อย่อ ส.เสือ ทุจริตโครงการนี้กว่า 6 พันล้านบาทนั้น ตนไม่เคยได้รับทราบจึงไม่ได้ฟ้องร้อง เพราะสื่อก็ไม่ได้เจาะจงว่านักการเมืองที่มีตัวย่อ ส.เสือ นั้นหมายถึงใคร ขณะที่จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้หลายครั้งทั้งที่จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณา แตกต่างจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีการแถลงข่าวในคดีนี้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้ การประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนได้ดำเนินการไปตามปกติไม่มีการฮั้วประมูล และการก่อสร้างก็ดำเนินการตามสัญญา ส่วนความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในภายหลังก็มีหลายสาเหตุที่สืบเนื่องมาจากสัญญา เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนด และตนเคยได้สั่งการห้ามไม่ให้มีการรื้อโรงพักเก่าออกก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการบริการ และภายหลังมีการทำสัญญาก่อสร้างสถานีตำรวจได้ไม่นานตนก็พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยการควบคุมการก่อสร้างที่ดำเนินการต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของสตช.และรัฐบาลชุดใหม่
ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จวันนี้ ฝ่ายโจทก์แถลงหมดพยานเข้าไต่สวน ศาลจึงนัดฟังคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 27 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายโจทก์ เปิดเผยว่า คดีนี้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้นำพยานเบิกความรวม 2 ปาก ประกอบด้วย พระสุเทพ ในฐานะโจทก์ที่ตกเป็นผู้เสียหาย และพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 โดยวันนี้พระสุเทพได้เดินทางมาเบิกความเป็นพยานเพื่อตอบการซักค้านของฝ่ายจำเลยเป็นปากสุดท้าย และศาลได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 27 ม.ค.นี้