“สุเทพ” เข้าไต่สวนคดีคดีเป็นโจทก์ฟ้อง “ธาริต” หมิ่นประมาท แถลงข่าวโบ้ย ออกคำสั่งให้ สตช.รวมสัญญาจัดซื้อ สร้างโรงพักทดแทนเพียงรายเดียว จนเกิดปัญหา “อำนวย” สวมบทพยานโจทก์ โต้จำเลยพูดจริงไม่หมดแถมใส่ความ แจงแปลงสัญญาตามที่ สตช.เสนอ ย้อนใช้เอกสารลับราชการมาเผย
วันนี้ (7 ก.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อไต่สวนมูลฟ้องในคดีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ. 56 นายธาริตแถลงข่าวกล่าวหาว่าเป็นผู้ออกคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ตามที่ สตช.เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้
โดยในวันนี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ช่วยราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาเบิกความต่อศาลในฐานะพยานโจทก์ ระบุว่า ในการให้ข่าวของจำเลยมีทั้งการตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยมีการนำเอกสารและพยานหลักฐานมาแสดงต่อสื่อมวลชน และการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนโดยไม่มีเจตนาแถลงข่าวโดยตรง โดยในการแถลงข่าวนั้นจำเลยให้ข้อเท็จจริงบางส่วน และใส่ความบางส่วน อาทิ การแถลงใส่ความโจทก์ว่าเป็นผู้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ไข และเปลี่ยนแปลงสัญญาจัดซื้อจัดจ้างอาคารสถานีตำรวจทดแทนจากแบบรายภาค เป็นการรวมประมูลส่วนกลางแทน ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสนอความคิดมาเสนอต่อโจทก์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและโจทก์ให้ความเห็นชอบ ซึ่งไม่ใช่เป็นการสั่งการให้แก้สัญญา
อีกทั้ง สำนวนคดีดังกล่าวนั้น จำเลยแถลงบ่อยครั้งว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าจำเลยไม่ควรแถลงข่าว ซึ่งการแถลงข่าว หรือให้ข่าวต่อสื่อมวลชนโดยนำเอกสารหรือสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างมาแถลงข่าวนั้น ถือเป็นการนำความลับของทางราชการมาเปิดเผยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการไต่สวนพยานโจทก์แล้วเสร็จ ศาลจะทำการไต่สวนมูลฟ้องนายสุเทพในฐานะโจทก์เป็นลำดับต่อไป