“บิ๊กต๊อก” สรุปมีรายชื่อ ขรก. ส่อโกง 198 รายชื่อ เผย สั่งถอด 5 ขรก.ยุติธรรม สังกัด “ราชทัณฑ์ - ดีเอสไอ” แล้ว ยอมรับบางกลุ่มต้องใช้ ม.44 จัดการ ระบุ “วิษณุ” ตรวจรายชื่อครั้งสุดท้ายก่อนชง เจ้ากระทรวงฟัน ด้าน “บิ๊กป๊อก” รับมี ขรก. มหาดไทย 118 คน ส่อทุจริต เผย ซี 10 ขึ้นไป 3 - 4 ราย จ่อฟันหาก ปลัดฯสอบพบผิดจริง ลงโทษทันที เล็งชง นายกฯใช้ ม.44 จัดการ “ขรก. ส่อทุจริต” ทุกระดับ
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวระหว่างแถลงผลงาน 6 เดือน ตอนหนึ่งว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยดำเนินการภายใต้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) โดยร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ป.ป.ท. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
กรณีที่ ศอตช. ได้รวบรวมรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต คอร์รัปชัน จำนวน 198 รายชื่อ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม มีข้าราชการที่มีชื่อในจำนวนดังกล่าว 5 รายชื่อ เป็นข้าราชการสังกัดจากกรมราชทัณฑ์และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มีรายชื่อที่ถูกชี้มูลแล้วประมาณ 2 - 3 ราย โดยตนสั่งการให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว รายชื่อที่มีอยู่ทั้งหมด 198 รายชื่อนั้น มีทั้งที่ชี้มูลและยังไม่ได้ชี้มูลความผิด ส่วนกลุ่มที่ต้องใช้กฎหมาย มาตรา 44 ในการดำเนินการ
“ในวันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตรวจสอบรายชื่อเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเอารายชื่อแนบท้ายก่อนประกาศใช้ มาตรา 44 ส่วนอีกกลุ่มก็จะให้ทางรัฐมนตรีของแต่ละกระทรวง ดำเนินการตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ตาม ผมได้ทราบรายชื่อจากนายกรัฐมนตรี gนื่องจากเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งในที่ประชุมได้มีการแจกรายชื่อให้กับคณะกรรมการ เพื่อทำการแบ่งรายชื่อแต่ของละหน่วย เพื่อแยกหน่วยงานและพฤติการณ์ในการกระทำความผิด ซึ่งก่อนหน้านี้ยืนยันว่าไม่เคยทราบรายชื่อมาก่อนว่ามีใครบ้าง”
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการกับข้าราชการทุจริตว่า ขณะนี้นายกฯได้ส่งรายชื่อมายังตนส่วนหนึ่งแล้ว กำลังตรวจสอบว่า ดำเนินการตามกฎหมายไปถึงขั้นใดแล้ว ถ้ามีแนวโน้มไปในทางที่ทุจริตอย่างแน่นอน ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยตนก็จะสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ถ้ามีมูล แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น ก็จะแจ้งนายกฯว่า สอบสวนแล้ว น่าจะมีมูลความผิด ก็จะเรียนถามท่านว่า จะใช้กฎหมายอื่นหรือไม่อย่างไร
“ได้รับรายชื่อจากนายกรัฐมนตรีจำนวนทั้งหมด 118 ราย ได้แก่ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย 115 ราย กรุงเทพมหานคร 3 ราย มีข้าราชการประจำและข้าราชการท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับ 10 ขึ้นไป 3 - 4 ราย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
กรณีนี้ สังคมกำลังจับจ้องไปที่การใช้มาตรา 44 ของนายกฯ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเองจะมีความชัดเจนอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เดี๋ยวคงจะมีความชัดเจน เพราะตนได้รายชื่อแล้วก็แจ้งทางปลัดกระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่า มีการดำเนินการตามกฎหมาย สืบสวน สอบสวน ไปถึงขั้นตอนใด แล้วให้แจ้งมา
“ผมอธิบายหลายครั้งแล้ว ถ้าชี้มูล มีมูล ผมก็สั่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการพักราชการ หรือให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ผมทำได้ แต่ให้มันถึงทางกฎหมายก่อน ถ้าไม่ถึง ผมก็จะไปเรียนท่านนายกฯว่า จะทำอย่างไรต่อไป” รมว.มหาดไทย กล่าว
สำหรับการเปิดตำแหน่งรองรับในกรณีดังกล่าวนั้น ถ้าตำแหน่งเท่าเทียมกัน ก็ต้องเอาคนที่เท่าเทียมกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะนำผู้ว่าราชการจังหวัดไปเข้ามาก็ต้องเอาผู้ตรวจราชการกระทรวงออกไป ถ้าผู้ตรวจฯไม่มี ก็ต้องแจ้งนายกฯว่า ถ้าจะต้องเปิดตำแหน่งก็ต้องเปิด โดยไม่ต้องใช้มาตรา 44 ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนเคยเสนอขอเปิดตำแหน่งกับทางสำนักคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปแล้ว แต่เขาไม่ค่อยเห็นด้วย
เมื่อถามอีกว่า ทางออกจะเป็นอย่างไร ถ้าชี้มูลแล้วมีการย้าย ก็เหมือนกับแค่สลับตำแหน่งก็ยังเหมือนเดิม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ให้สำรวจออกมาก่อน ให้ได้ข้อมูลก่อน แล้วจึงแจ้งนายกฯว่า ถ้าออกมาในลักษณะนี้จะทำอย่างไร จะใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ ก็ต้องมีข้อมูลให้นายกฯก่อน
ด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงรายชื่อข้าราชการ 118 ราย ว่า รายชื่อที่ส่งมา ยังไม่ระบุความผิดในคดีเพียงแต่แจ้งมาว่า มีรายใดบ้าง อยู่กรมใด