ประธาน กมธ.ปฏิรูปการเมือง ย้ำร่าง รธน.แต่ละมาตรามีรายละเอียดมากเกิน ควรนำไปเขียนในกฎหมายลูก ขณะเดียวกัน รัฐบาลผสมจะไม่มีเอกภาพทำให้เกิดปัญหาการขัดเคลื่อนปฏิรูปประเทศในอนาคต ขอรอดูท่าที “บวรศักดิ์” หลังเสนอญัตติแก้ไขร่าง รธน.
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ แถลงผลการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และระบบผู้แทนที่ดีเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาว่า คณะ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจำนวน 315 มาตรา และในแต่ละมาตรามีรายละเอียดยาวมากถือว่ายาวเกินไป ดังนั้นในบางประเด็นควรเขียนไว้ในกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพราะในอนาคตหากมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขจะทำได้ง่ายกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญนี้ถือว่าเป็นฉบับประชาชน มีการให้อำนาจประชาชนมาก ดังนั้นในการเขียนคำ ควรทำให้ประชาชนเข้าใจง่าย อาทิ คำว่า “พลเมือง” ที่พบมากในรัฐธรรมนูญ ควรเป็นคำว่า “ประชาชน” เพื่อความเป็นสากลและประชาชนเข้าใจง่าย
นายสมบัติกล่าวว่า การขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศจะไม่เกิดขึ้นถ้ารัฐบาลในอนาคตมีความอ่อนแอ การกำหนดระบบเลือกตั้งโดยมีรัฐบาลแบบผสมจะทำให้เกิดการต่อรองของพรรคการเมือง รัฐบาลจะไม่มีเอกภาพในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ ซึ่งหากรัฐบาลมีความเข้มแข็ง ทางออกคือเราต้องสร้างกลไกการตรวจสอบให้เข้มแข็ง ไม่ใช่มาทำให้รัฐบาลอ่อนแอ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะไม่สำเร็จหากมีการตั้งรัฐบาลผสม เพราะจะส่งผลกระทบในเรื่องเสียงโหวตในสภา หากเป็นเช่นนี้อาจจะเห็นบรรยากาศในรัฐบาลปี 2540 เกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูท่าทีของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะมีการนำข้อเสนอต่างๆ ไปแก้ไขหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า ต้องรอจนจบการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการขอยื่นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่จะเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะขณะนี้ยังเป็นเพียงคำพูดยังไม่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ส่วนที่มีการมองถึงการโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญของ สปช.นั้น ในวันนี้ยังเร็วไปที่จะมาพูดถึงกัน
